ประสบการณ์เรียนต่อสิงคโปร์ของญ๋ง กุลญดา: จาก SIM Diploma สู่ RMIT
ReadyPlanet.com
dot
dot


ญ๋ง กุลญดา จากก้าวแรกที่กล้าตัดสินใจสู่เส้นทางการเติบโตกับการเรียนต่อที่สิงคโปร์ article

 

ญ๋ง กุลญดา จากก้าวแรกที่กล้าตัดสินใจสู่เส้นทางการเติบโตกับการเรียนต่อที่สิงคโปร์

การไปเรียนต่อต่างประเทศและต้องปรับตัวเข้ากับระบบการศึกษาใหม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับ กุลญดา หรือ "ญ๋ง" เธอสามารถก้าวข้ามจากการเรียนมัธยมปลายในประเทศไทย เข้าสู่การเรียนระดับ Diploma และต่อยอดสู่ปริญญาตรีในสิงคโปร์ได้อย่างราบรื่น วันนี้ญ๋งจะมาเล่าถึงประสบการณ์และสิ่งที่ช่วยให้เธอประสบความสำเร็จในฐานะนักศึกษาต่างชาติในสิงคโปร์

การเริ่มต้นเส้นทางใหม่ในต่างแดน

หลังจบมัธยมปลาย ญ๋งต้องการออกไปเรียนต่อต่างประเทศ แม้ว่าจะได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศไทยแล้วก็ตาม

"หนูอยากก้าวออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง อยากเรียนรู้ให้มากกว่าในตำรา และอยากเข้าใจวิธีคิด การทำงาน และการสื่อสารของคนจากหลากหลายวัฒนธรรมค่ะ"

ประเทศที่อยู่ในตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเธอคือ สิงคโปร์ ประเทศที่ใกล้ไทย บินสะดวก และเป็น สังคมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม

"มันเป็นที่ที่เราสามารถเจอคนจากทั่วโลก เรียนรู้มุมมองใหม่ ๆ และเปิดโลกทัศน์ของตัวเองได้ ที่สำคัญคืออยู่ไม่ไกลจากบ้าน ถ้าคิดถึงบ้านก็กลับได้ง่ายค่ะ"

การมาเรียนที่สิงคโปร์ไม่ใช่แค่เรื่องวิชาการ แต่คือการได้เรียนรู้ชีวิต การทำงานกับคนหลากหลายวัฒนธรรม ค้นพบตัวเองในอีกมุมหนึ่ง และสร้างโอกาสให้กับตัวเอง

สร้างพื้นฐานให้แข็งแรง ก่อนก้าวต่อสู่ระดับปริญญา

 

ญ๋งเรียนที่ Singapore Institute of Management Global Education หรือ SIM GE สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในสิงคโปร์ โดยเริ่มเรียนหลักสูตรระดับ Diploma สาขา Management Studies 

“แม้ว่าหนูจะสอบติดมหาวิทยาลัยในไทยแล้วแต่หนูรู้สึกว่า Diploma ของ SIM จะช่วยให้พื้นฐานด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์แน่นขึ้นก่อนขึ้นปีหนึ่งค่ะ"

 

"และเพราะ SIM มีพาร์ทเนอร์หลายมหาวิทยาลัย ก็ยิ่งทำให้เรามีอิสระในการเลือกเส้นทางที่ตรงกับเป้าหมายของตัวเอง รู้สึกว่ามันเป็นก้าวสำคัญก่อนต่อปริญญาเลยค่ะ"     

 

เติบโตจากประสบการณ์จริง

SIM GE Merit Scholarship

หลังยื่นสมัคร Diploma ญ๋งมีโอกาสรับทุน SIM GE Merit Scholarship จากผลการเรียนที่ดี ประวัติการทำกิจกรรม การเขียน Personal Statement และ ผ่านการสอบสัมภาษณ์ทุน  

"ทุนนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวไปถึง 50% เลยค่ะ ที่สำคัญคือทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่าความพยายามของเรามีความหมายจริง ๆ"

Student Ambassador

ระหว่างเป็น Student Ambassador หยงเข้าร่วมงานต่าง ๆ เช่น SIM Open House, งานแนะนำทุน รวมถึงกิจกรรมพบปะนักศึกษาใหม่ ทำให้เธอได้เรียนรู้การสื่อสาร การเป็นผู้นำ และการทำงานเป็นทีม

"บางครั้งหนูช่วยลงทะเบียน บางครั้งก็พาแขกเดินชม หรือดูแลกิจกรรมกลุ่ม สิ่งเหล่านี้ทำให้หนูรู้จักรับผิดชอบ กล้าเริ่มต้น และเป็นคนที่เพื่อนร่วมงานไว้ใจค่ะ"

นอกจากกิจกรรมในมหาวิทยาลัย หยงยังอาสาร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น เก็บขยะชายหาดและเวิร์กช็อปด้านสิ่งแวดล้อม

"สิ่งที่ได้กลับมาคือการรู้สึกว่าเรามีส่วนช่วยสังคมเล็ก ๆ น้อย ๆ และมันทำให้หนูนึกถึงวันแรกที่มาสิงคโปร์ และได้รับการช่วยเหลือมากแค่ไหนค่ะ"

ค้นพบรูปแบบการเรียนที่เปลี่ยนมุมมอง

 

หลังเรียนจบ Diploma ซึ่งใช้เวลาเรียน 15 เดือนแล้ว ญ๋ง ตัดสินใจเลือกเรียนต่อปริญญาตรีสาขา Business กับ RMIT University มหาวิทยาลัยรัฐระดับแนวหน้าของออสเตรเลียโดยเลือกเรียนที่สิงคโปร์ RMIT University เป็นพันธมิตรทางวิชาการกับ SIM GE ซึ่งนักศึกษาที่สนใจเรียนปริญญาตรีของ RMIT University สามารถเลือกเรียนที่วิทยาเขตของ SIM GE ประเทศสิงคโปร์ได้

การเลือก RMIT University

ตอนแรกญ๋งยังไม่แน่ใจว่าจะเรียนปริญญาตรีที่ SIM หรือไม่ แต่เมื่อเรียน Diploma มากขึ้น เธอได้รู้จักมหาวิทยาลัยพาร์ทเนอร์ของ SIM และเริ่มเห็นว่าตัวเองเหมาะกับ RMIT University

"RMIT มีชื่อเสียงด้านการเรียนแบบปฏิบัติจริง เน้นงานกลุ่ม โปรเจกต์ และการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง มันตรงกับสไตล์หนูมากค่ะ"

การปรับตัวสู่สไตล์การเรียนใหม่

จากที่เคยชินกับระบบสอบแบบท่องจำในไทย ญ๋งต้องปรับตัวกับสไตล์การเรียนของ SIM-RMIT ที่เน้น การคิดวิเคราะห์ การอภิปราย และงานกลุ่ม โชคดีที่ช่วงเรียน Diploma ทำให้เธอเริ่มคุ้นเคยกับการทำงานทีม

"ตอนแรกหนูคิดว่าการเรียนคือทำคนเดียว แต่พอเจอเพื่อนที่พร้อมช่วยกัน เราจะรวมกลุ่มคุยงาน ทำแบบฝึกหัดด้วยกัน สนุกและได้ความรู้มากเลยค่ะ"

นอกจากนี้ ญ๋งยังทำโน้ตสรุปของตัวเอง และค้นคว้าเพิ่มเติมนอกตำรา เพื่อทำความเข้าใจเนื้อหาลึกขึ้น

"มันช่วยให้จำได้ดีขึ้น และเข้าใจภาพรวมของวิชามากกว่าแค่จำเพื่อสอบค่ะ"

บทสรุปของเส้นทางที่คุ้มค่า

เมื่อมองย้อนกลับไป ญ๋งดีใจกับการตัดสินใจมาศึกษาต่อสิงคโปร์ ประสบการณ์ของเธอสะท้อนให้เห็นว่าการเรียนต่างประเทศคือการพัฒนาทั้งความรู้ ทักษะ และการเติบโตด้านความคิด

"ใครที่กำลังจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแบบนี้ อยากบอกว่าเปิดใจและกล้าเข้าหาคนอื่นนะคะ ไม่ต้องกลัวถามหรือขอความช่วยเหลือเลย"

เธอเสริมว่าการเริ่มต้นจาก SIM Diploma ก็เป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการเรียนต่อในสิงคโปร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด เธออยากให้นักศึกษาต่างชาติ สนุกกับช่วงเวลานี้และภูมิใจในเส้นทางของตัวเอง

"หาเวลาท่องเที่ยวในสิงคโปร์ สนุกกับวัฒนธรรม และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ดี ๆ นะคะ"

 
 ทำความรู้จัก SIM (Singapore Institute of Management)

SIM เป็นสถาบันการศึกษาเอกชนที่เปิดสอนระดับอนุปริญญา-ปริญญาตรี ที่สิงคโปร์ ก่อตั้งเมื่อปี 1964 หรือเมื่อ 61 ปีที่แล้ว ปัจจุบันจัดว่าเป็นสถาบันการศึกษาเอกชนที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ โดยแต่ละปีมีนักศึกษาเข้าเรียนที่นี่ 16,000 คนซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาสิงคโปร์ ที่เหลือเป็นนักศึกษาต่างชาติที่มาจากประเทศต่างๆกว่า 50 ประเทศ

SIM เป็นพาร์ทเนอร์กับมหาวิทยาลัยชื่อดังจากอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลียและแแคนาดา ซึ่งเมื่อเรียนจบ นักศึกษาจะได้รับปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยต่างประเทศโดยตรง จนถึงทุกวันนี้ได้มีนักศึกษาจบที่ SIM กว่า 200,000 คน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

 

 




Interviews

ทำไมจิตวิทยาจึงสำคัญในยุคที่สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่ article
Tips เตรียมความพร้อมก่อนส่งลูกมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ article
เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์ article
เรียนเต้นที่ NAFA สิงคโปร์ article
เล่าประสบการณ์การเรียน JCU สิงคโปร์ article
ทุน ASEAN Scholarship article
แชร์ประสบการณ์ไปเรียนภาษาอังกฤษ4สัปดาห์ที่สิงคโปร์ article
สอบเข้ารร รัฐบาลสิงคโปร์ AEIS Exam article
เล่าประสบการณ์เรียนcommunicationที่ PSB สิงคโปร์ article
สีน้ำเล่าประสบการณ์เรียนภาษาระยะสั้นรายเดียว article