Blog
ReadyPlanet.com
dot
dot


ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษของสิงคโปร์อยู่อันดับ 2 ของโลก สำรวจโดย EF 2023
วันที่ 07/11/2012  12:26:49 PM ,ผู้เข้าชม : 18449

มาตรฐานความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของสิงคโปร์

ทุกๆปี จะมีการสำรวจความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของประเทศต่างๆทั่วโลก สำรวจโดย EF English Proficiency Index ซึ่งการสำรวจล่าสุดช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมาพบว่า สิงคโปร์ เป็นประเทศที่มีมาตรฐานความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษเป็นอันดับ 2 ของโลกและอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย

ความสามารถทางภาษาอังกฤษของสิงคโปร์อยู่อันดับ 2 ของโลก

EF English Proficiency Index ได้สำรวจความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยการให้ทำข้อสอบวัดระดับภาษาอังกฤษซึ่งมีกลุ่มตัวอย่างเข้าร่วมกว่า 2.2 ล้านคนจาก 113 ประเทศทั่วโลกซึ่งผลการสำรวจล่าสุดช่วงปลายปี 2023 ที่ผ่านมาพบว่า สิงคโปร์ได้คะแนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Very High Proficiency หรือความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในระดับสูงมาก

 

10 อันดับแรกของโลกที่ได้คะแนนประเมินความสามารถภาษาอังกฤษสูงสุด

EF English Proficiency Index ไม่ได้สำรวจความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษในกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่หรือ Mother Tongue เช่น อังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จึงไม่มีรายชื่อประเทศเหล่านี้ใน 10 อันดับแรก ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าตารางด้านล่างเป็นประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ แต่ได้คะแนนประเมินความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษสูงสุด 10 อันดับแรกของโลก

สิงคโปร์ได้คะแนนประเมินทางภาษาอังกฤษสูงสุดอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย

 หากดูการสำรวจความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษโดยดูเฉพาะประเทศที่อยู่ในทวีปเอเชียซึ่งมีการสำรวจทั้งหมด 35 ประเทศและอีก 2 เขตบริหารพิเศษ จะพบว่า สิงคโปร์ ได้คะแนนประเมินสูงสุดเป็นอันดับ 1

ทำไมสิงคโปร์จึงได้คะแนนประเมินทางภาษาอังกฤษสูง

ระบบการศึกษาของสิงคโปร์ตั้งแต่ประถมฯ-มัธยมฯต้น-มัธยมฯปลาย-มหาวิทยาลัย ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการเรียนการสอนทุกวิชา ดังนั้นคนสิงคโปร์ที่ผ่านระบบการศึกษามา จึงสามารถฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี

อีกทั้ง สิงคโปร์ ยังกำหนดให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ (Official Language) ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายภาคส่วนของประเทศ เช่น ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ภาคการศึกษา ภาควิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภาคสาธารณสุข ภาคธุรกิจและการค้า ทำให้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนสิงคโปร์อยู่แล้ว ไม่ต่างอะไรกับประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่อย่างอังกฤษ อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์

 

เรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์

การที่สิงคโปร์ได้คะแนนประเมินทางภาษาอังกฤษที่สูง และการที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการที่ใช้กันแพร่หลายในสิงคโปร์ ทำให้สิงคโปร์เป็นอีก จุดหมายปลายทางของนักเรียนไทยที่ต้องการไปเรียนและฝึกฝนภาษาอังกฤษ เพราะนอกจากจะได้เรียนในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษแล้ว ยังได้เรียนในประเทศที่มีจุดแข็งเรื่องการศึกษาที่มีมาตรฐานสูง เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่มีคดีอาชญากรรมต่ำ ปรับตัวไม่มากเพราะวิถีชีวิตใกล้เคียงกับไทย และอยู่ใกล้ เดินทางสะดวก สามารถไปกลับไทยได้บ่อยครั้ง เหมาะกับนักเรียนที่ต้องการอยู่ใกล้ครอบครัว
 

วางแผนเรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์

นักเรียนและผู้ปกครองท่านใดต้องการหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อใช้สำหรับการวางแผนไปเรียนภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ สามารถติดต่อและขอคำปรึกษาได้กับ "เรียนสิงคโปร์ดอทคอม“ ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อประเทศสิงคโปร์โดยเฉพาะในช่องทางดังต่อไปนี้

    085 9329081
   @riansingapore  
 

ติดตามข้อมูลการเรียนต่อสิงคโปร์

 
Facebook: เรียนสิงคโปร์
Instagram: riansingapore
YouTube: เรียนสิงคโปร์
 

 

 

เล่าเรื่องครู
วันที่ 01/11/2012  11:22:09 AM ,ผู้เข้าชม : 4003

เล่าเรื่องครูและการเรียนการสอนในโรงเรียนประถมที่สิงคโปร์

เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ในหน้าเวบไซต์ของสำนักข่าว BBC ได้ลงบทความเกี่ยวกับการศึกษาในสิงคโปร์ สิ่งที่น่าสนใจในบทความนี้ คือ แนวทางการสอนที่จะเตรียมคนสำหรับในอนาคต 20 ปีข้างหน้าและบทบาทของครู

อาจกล่าวได้ว่าปัจจัยสำคัญของการประสบความสำเร็จต่างๆของการศึกษาที่สิงคโปร์ ส่วนหนึ่งมาจากบุคคลากรครูที่มีคุณภาพ ซึ่งไม่ได้มาโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนและนโยบายที่ชัดเจน  สิงคโปร์ก็เหมือนหลายๆประเทศ กล่าวคือในอดีตอาชีพครูเป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีคนอยากจะทำกัน ดังนั้นนับตั้งแต่ปี 1990 (พ.ศ.2533) รัฐบาลสิงคโปร์จึงพยายามยกระดับอาชีพครูให้ดีขึ้น โดยการสร้างภาพพจน์เกี่ยวกับอาชีพครู มีการฝึกอบรบและให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อดึงดูดคนเก่งๆเข้ามาประกอบอาชีพนี้

Dr. Pak Tee Ng, แห่งสถาบันการศึกษาแห่งชาติ (National Institute of Education หรือ NTE) ซึ่งเปรียบเสมือนสถาบันผลิตครูแห่งชาติกล่าวไว้ว่า “ปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็ก คือการมีครูที่ดี ครูที่เข้าใจนักเรียน มีการปรับวิธีการสอนให้เข้ากับนักเรียน และทำให้การสอนสนุกและน่าสนใจ ทำอย่างไรจะกระตุ้นการเรียนรู้ของเด็ก”

ช่วงยุคปี 1970 (พ.ศ.2513) ระบบการศึกษาของสิงคโปร์มีจุดประสงค์เพื่อตอบสนองภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ประเทศกำลังพัฒนา พอเข้าสู่ช่วงปลายปี 1990 (พ.ศ.2533)  ระบบเศรษฐกิจของประเทศได้เปลี่ยนแปลงไปและก้าวหน้าไปมาก ระบบการศึกษาจึงเปลี่ยนตามไปด้วยโดยก้าวเข้าสู่ Knowledge based ซึ่งจะมุ่งเน้นพัฒนาระบบความคิดและความคิดสร้างสรรค์

ในปัจจุบัน สิงคโปร์ต้องการเดินหน้าไปสู่การศึกษาอีกขั้นหนึ่ง ที่เรียกว่า การศึกษาแบบองค์รวม (Holistic Education) ซึ่งจะมุ่งเน้นวิธีการเรียนรู้  (Processing Information ) มากกว่าตัวเนื้อหา (Content) ซึ่งจะเตรียมนักเรียนในรุ่นปัจจุบันนี้เพื่ออนาคตในอีก 20 ปีข้างหน้า

 

ด้วยเหตุนี้รูปแบบการเรียนการสอนจึงเปลี่ยนไป แทนที่จะนั่งเรียนอย่างเคร่งเครียดกันในห้องเรียน นักเรียนสิงคโปร์จะมีโอกาสเรียนนอกชั้นเรียนเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่าง กิจกรรมล่าสุดของโรงเรียน Rosyth เหล่าบรรดาเด็กนักเรียนจำนวน 80 คนอายุประมาณ 9-10 ปี พร้อมด้วยอุปกรณ์ Ipad และ สมาร์ทโฟน มุ่งหน้าสู่สวนสาธารณะ เพื่อเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์

ที่มา http://www.bbc.co.uk/news/business-17891211

เรากำลังเก็บตัวอย่างของสัตว์ และแมลงต่างๆ เพื่อค้นหาว่าทำไมผึ้ง ปลาและนกบริเวณนี้ ถึงได้มีการตายโดยไม่มีสาเหตุ” ด.ญ ดาเรนกล่าว “หรืออาจจะเป็นเพราะผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์”

นักเรียนต่างถ่ายรูปตัวอย่างแมลงและพืชด้วยสมาร์ทโฟน และค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากไอแพด

ในกิจกรรมเดียวนี้ เด็กๆสามารถเรียนรู้ได้ถึงสามหัวข้อ” คุณครูวิทยาศาสตร์ Lin Lixun กล่าว

 

เด็กๆจะได้ลงมือทำและเรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆ” คุณครู Joslyn กล่าวเสริม

 

การศึกษาสร้างประเทศสิงคโปร์
วันที่ 19/10/2012  14:22:07 PM ,ผู้เข้าชม : 3953

Education shapes the future of our nation

 

การศึกษาสร้างประเทศสิงคโปร์

 Education shapes the future of our nation... It is critical to our survival and success” หรือแปลว่า “การศึกษาเป็นตัวกำหนดอนาคตของชาติ การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญต่อความอยู่รอดและความสำเร็จของเรา” เป็นคำกล่าวของ Mr. Heng Swee Keat  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาของสิงคโปร์ ที่ได้กล่าวไว้ถึงความสำคัญของการศึกษา

เกาะเล็กๆที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติใดๆเลยอย่างสิงคโปร์ ได้กำหนดให้ระบบการศึกษาเป็นเสาหลักแห่งการพัฒนาประเทศตั้งแต่เมื่อครั้งก่อตั้งประเทศในปี 1965 (พ.ศ.2508)  และด้วยระบบการศึกษาที่เข้มแข็งของสิงคโปร์ ได้พัฒนาประเทศจากประเทศโลกที่สามในช่วงการก่อตั้งประเทศ ก้าวข้ามมาเป็นประเทศพัฒนาแล้วเพียงชั่วคนรุ่นเดียว

สิงคโปร์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับระบบการศึกษามาก ดังจะเห็นได้จากงบประมาณของประเทศเกี่ยวกับการศึกษาคิดเป็น 20% ของงบประมาณทั้งหมดของประเทศ

ระบบการศึกษาสิงคโปร์ใช้ระบบสองภาษา (Bilingual Education Policy) โดยการให้หลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมด และขณะเดียวกันก็ให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนภาษาแม่ (Mother Tongue) ได้อีกด้วย เช่น จีนกลาง มาเลย์ หรือ ทมิฬ ทำให้คนสิงคโปร์ที่ผ่านระบบการศึกษาดังกล่าว สามารถพูดภาษาได้อย่างน้อยสองภาษา

สำหรับในเวทีการศึกษาระดับโลก สิงคโปร์ถือว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะมักถูกจัดเป็นอันดับต้นๆของโลกจากการประเมินผลการศึกษาขององค์กรการศึกษาระหว่างประเทศ

 

หน้า 3/3
[ก่อนหน้า]   1 2 3
[Go to top]