ดร. Jennifer มีความสนใจในเรื่อง Global English จึงได้ทำการวิจัยโดยเก็บข้อมูลจากการสื่อสารระหว่างผู้พูดที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา (non-native speakers) เพื่อดูว่าลักษณะการออกเสียงใดบ้างที่สำคัญและไม่สำคัญในการสื่อสาร และจากงานวิจัยของ ดร. Jenifer ได้สรุปถึงแนวทางการเรียนการสอนการออกเสียงภาษาอังกฤษไว้ดังนี้
ควรเน้นการสอนการออกเสียงที่มีเป้าหมายเพื่อการสื่อสารในบริบทที่มีความเป็นนานาชาติระหว่างผู้พุดที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษา ที่ผ่านมา การสอนการออกเสียงเน้นไปที่ทำอย่างไรให้นักเรียนออกเสียงใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด แต่ในยุดที่ภาษาอังกฤษกลายเป็นภาษาสากล การสอนการออกเสียงที่เน้นการสื่อสารให้สัมฤทธิ์ผลมากที่สุดคือเป้าหมายที่แท้จริง
จากผลการวิจัยพบว่า ลักษณะบางอย่างในการออกเสียงไม่ได้มีผลต่อการสื่อความหมาย เช่น การออกเสียง ‘th’ ใน ‘three’ หรือ ‘this’ พบว่าหากผู้พูดไม่ได้พูดเหมือนกันเจ้าของภาษาก็ไม่ได้มีผลต่อความหมายในการสื่อสารแต่อย่างใด และอีกประการที่สำคัญ ในเมื่อเจ้าของภาษา (native speakers) ยังมีสำเนียงที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ภูมิภาคที่เจ้าของภาษาอาศัยอยู่ เช่น ภาษาอังกฤษของคนอังกฤษ ภาษาอังกฤษของคนออสเตรเลีย ภาษาอังกฤษของคนอเมริกันก็ย่อมไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ผู้เรียนที่ไม่ได้เป็นเจ้าของภาษาจะมีสำเนียงที่หลากหลายบ้าง
นักเรียนควรมีโอกาสได้ฟังสำเนียงภาษาอังกฤษที่หลากหลายไม่ควรจำกัดเฉพาะสำเนียงของเจ้าของภาษาเท่านั้น เพราะในยุดที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล การได้คุ้นเคยกับสำเนียงที่แตกต่างย่อมทำให้ผู้เรียนมีทักษะฟังและเข้าใจสำเนียงที่หลากหลายได้ง่ายยิ่งขึ้น
|