หลักสูตรสิงคโปร์ระดับอุดมศึกษา| เรียนสิงคโปร์ดอทคอม
|
 |
|
เรียนปริญญาตรี 3-5 ปี |
หลังจากนักเรียนสิงคโปร์เรียนจบระดับเตรียมอุดมศึกษา (Pre-University) ที่จูเนียร์ คอลเลจ และได้ผ่านการสอบ GCE A Level แล้ว นักเรียนสิงคโปร์จะนำผลสอบ GCE A Level ไปยื่นเพื่อสมัครเรียนต่อระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ต่อไป สำหรับระยะเวลาในการเรียนปริญญาตรีที่นี่อยู่ระหว่าง 3-5 ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาขาวิชาที่เลือกเรียน เช่น เรียนบริหารธุรกิจ เรียน 3 ปี , เรียนวิศวะ เรียน 4 ปี , เรียนหมอ เรียน 5 ปี เป็นต้น
|
|
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์มีทั้งหมด 6 แห่งประกอบด้วย
- National University of Singapore (NUS)
- Nanyang Technological University (NTU)
- Singapore Management University (SMU)
- Singapore University of Technology and Design (SUTD)
- Singapore Institute of Technology (SIT)
- Singapore University of Social Science (SUSS)
|
 |
|
|
National University of Singapore (NUS) |
National University of Singapore (NUS) มีจุดเริ่มต้นจากการเป็นโรงเรียนแพทย์ขนาดเล็ก มีนักเรียน 23 คน ในปี 1905 (พ.ศ.2448) จากปีนั้นจนถึงปัจจุบันหรือกว่า 100 ปี NUS ได้เจริญเติบโตจนกลายเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ
NUS ยังถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ใหญ่ที่สุดในประเทศในแง่ของการมีคณะที่เปิดสอนมากที่สุด ครอบคลุมทุกสาขาอาชีพ ตั้งแต่คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะคอมพิวเตอร์ คณะศิลปะศาสตร์และสังคมศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะสาธารณสุข คณะวิทยาศาสตร์ คณะดนตรี ฯลฯ
NUS ไม่ได้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐที่ดีที่สุดของสิงคโปร์เท่านั้น แต่ได้ย่างก้าวเข้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัยในระดับแถวหน้าของโลกไปแล้ว การจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลกประจำปี 2022 ของ QS World University Ranking จากอังกฤษ ให้ NUS อยู่อันดับ 11 ของโลก เคียงข้างกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกาและอังกฤษ
|
|
 |
Nanyang Technological University (NTU) |
Nanyang Technological University (NTU) ก่อตั้งเมื่อปี 1955 (พ.ศ.2498) เป็นมหาวิทยาลัยรัฐลำดับที่สองของประเทศสิงคโปร์ หากกล่าวถึงจุดแข็งของ NTU ก็จะนึกถึงคณะวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ครอบคลุมสาขาวิศวกรรมหลายแขนง เช่น วิศวกรรมเคมี วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมการบินและอวกาศ วิศวกรรมไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่ง NTU อยู่อันดับที่ 4 ของโลก จากการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ในหมวดสาขาวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ประจำปี 2022 ของ QS World University Ranking จากอังกฤษ
NTU ยังมีคณะที่น่าเรียนและมีชื่อเสียงอื่นอีก เช่น คณะธุรกิจ คณะวิทยาศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ซึ่ง NTU ได้มหาวิทยาลัยชั้นนำของ UK อย่าง Imperial College London มาเป็นพันธมิตรร่วมมือทางวิชาการทางการแพทย์ด้วย
อีกหนึ่งไฮไลท์ของ NTU ที่นอกเหนือจากชื่อเสียงด้านความเป็นเลิศทางวิชาการแล้ว NTU ยังเป็นมหาวิทยาลัยที่ว่ากันว่ามีวิทยาเขต (campus) ที่สวยงามที่สุดในสิงคโปร์ โดยเฉพาะอาคารเรียนที่แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเข้าไปถ่ายรูปกัน
ปัจจุบัน NTU ได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยระดับแถวหน้าของโลกตาม NUS มาอย่างติดๆ
|
|
 |
|
Singapore Management University (SMU) |
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 รัฐบาลสิงคโปร์เริ่มวางแผนก่อตั้งมหาวิทยาลัยรัฐแห่งที่ 3 ของประเทศ โดยมหาวิทยาลัยแห่งนี้ จะมีทิศทางที่ไม่เหมือนกับ NUS และ NTU ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนหลายสาขา แต่มหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้ จะเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางเน้นทางด้าน Business and Management เพื่อผลิตงานวิจัยและผลิตบุคลากรรองรับการเป็นประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจฐานความรู้ หรือ “Knowledge-Based Economy” และการเป็นศูนย์การทางธุรกิจหรือ Business Hub
สำหรับโมเดลของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ สิงคโปร์ต้องการให้เป็นมหาวิทยาลัยด้าน Business and Management ในรูปแบบโรงเรียนธุรกิจของอเมริกา จึงได้ทำความร่วมมือทางวิชาการกับ the Wharton School ซึ่งเป็นโรงเรียนธุรกิจระดับ Top ของโลกแห่งมหาวิทยาลัย University of Pennsylvania ประเทศสหรัฐอเมริกา มาช่วยวางรากฐานให้
ในที่สุดมหาวิทยาลัยแห่งใหม่ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งที่ 3 ของประเทศก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในปี 2000 (พ.ศ.2543) โดยใช้ชื่อว่า Singapore Management University หรือ SMU หลังจากเปิดมาแล้วกว่า 20 ปี ปัจจุบัน SMU อยู่อันดับ 36 ในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก ประจำปี 2022 ในสาขา Business and Management ของ QS World University Ranking จากอังกฤษ
|
|
.jpg) |
|
Singapore University of Technology and Design (SUTD) |
ในปี 2009 (พ.ศ.2552) สิงคโปร์ได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรัฐอันดับที่ 4 ของประเทศซึ่งก็คือ Singapore University of Technology and Design (SUTD) เพื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางในด้านการออกแบบซึ่งไม่ใช่การออกแบบในเชิงศิลปะ แต่เป็นการออกแบบทางเทคโนโลยี
SUTD มีเป้าหมายที่จะผลิตนักศึกษาให้มีความรู้และทักษะการออกแบบเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ การบริการ และระบบ เพื่อแก้ไขปัญหาและยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในสังคม เช่น การออกแบบและสร้าง smartphone ซึ่งทำให้มนุษย์สะดวกสบายขึ้นในการดำเนินชีวิตถือเป็นตัวอย่างของแนวคิดนี้
การที่จะทำอย่างนั้นได้ SUTD ต้องวางรากฐานทางด้าน STEM ให้กับนักศึกษาซึ่งได้แก่วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อให้นักศึกษาสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ บริการ และระบบได้ ขณะเดียวกันนักศึกษายังจะต้องเรียนหมวดศิลปะ มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เพื่อเข้าใจมิติมนุษย์กับสังคมและสามารถเชื่อมโยงศาสตร์เหล่านี้เข้ากับ STEM ได้ด้วย เรียกการเรียนแบบนี้ว่า Interdisciplinary Learning หรือการเรียนรู้ต่างสาขาและเชื่อมโยงกัน
สิงคโปร์มีเป้าหมายให้ SUTD เป็นมหาวิทยาลัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก จึงได้ร่วมมือทางวิชาการกับ MIT หรือ Massachusetts Institute of Technology ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของโลกในสาขาเทคโนโลยีจากประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันหลักสูตรของ SUTD กว่า 90% ได้รับการออกแบบและพัฒนาโดย MIT
|
|
 |
Singapore Institute of Technology (SIT)
|
สิงคโปร์ไม่ได้มีแต่นักเรียนที่เรียนสายสามัญหรือสายวิชาการเท่านั้น แต่ยังมีนักเรียนที่เรียนในสายวิชาชีพด้วย โดยนักเรียนกลุ่มนี้จะเรียนกันที่ Polytechnic ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาวิชาชีพของรัฐ มีทั้งหมด 5 แห่งทั่วประเทศ หลักสูตรที่เรียนเป็นระดับ Diploma (อนุปริญญา) เน้นการเรียนแบบปฏิบัติจริง ใช้เวลาเรียน 3 ปี หลังเรียนจบ บางส่วนก็ทำงานเลย บางส่วนต้องการเรียนต่อปริญญาตรีต่อเนื่อง
แต่ปัญหาคือมหาวิทยาลัยรัฐในเวลานั้นไม่สามารถรองรับนักเรียนที่จบ Polytechnic แล้วต้องการเรียนต่อปริญญาตรีได้เพียงพอ จึงกลายเป็นที่มาของการก่อตั้งมหาวิทยาลัยรัฐแห่งที่ 5 ของประเทศสิงคโปร์ โดยใช้ชื่อว่า Singapore Institute of Technology (SIT) ซึ่งถูกประกาศให้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐอย่างเป็นทางการในปี 2014 (พ.ศ.2557)
SIT จึงเป็นมหาวิทยาลัยที่มีลักษณะเฉพาะตัว เพราะเป็นมหาวิทยาลัยที่รองรับนักเรียนที่เรียนจบสายวิชาชีพจาก Polytechnic เป็นหลัก ดังนั้นหลักสูตรปริญญาตรีที่เปิดสอนที่ SIT จึงมีลักษณะเป็น Applied Learning หรือการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติจริง เน้นฝึกทักษะ สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้จริง สำหรับสาขาที่เปิดสอน เช่น วิศวกรรมศาสตร์ในแขนงต่างๆ เทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อและการออกแบบ เทคนิคการแพทย์ พยาบาล เทคโนโลยีอาหาร การบริหารธุรกิจ เป็นต้น
|
|
 |
Singapore University of Social Science (SUSS) |
Singapore University of Social Science (SUSS) ได้รับประกาศให้เป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งที่ 6 ของประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017 (พ.ศ.2560) จุดกำเนิดของ SUSS นั้นต้องย้อนกลับไปช่วงปลายทศวรรษ 1990 ซึ่งเวลานั้นรัฐบาลสิงคโปร์ต้องการให้มีสถาบันการศึกษาที่รองรับนักศึกษาผู้ใหญ่ คนทำงาน ที่อยากจะกลับมาเรียนต่อระดับปริญญาตรีเพื่อพัฒนาตัวเองและเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือ Lifelong Learning ในสิงคโปร์
รัฐบาลสิงคโปร์จึงมอบหมายให้ Singapore Institute of Management หรือ SIM สถาบันอุดมศึกษาเอกชนชั้นนำของสิงคโปร์ รับผิดชอบภารกิจนี้ซึ่ง SIM ได้ดำเนินการโครงการนี้โดยใช้ชื่อ SIM University (UniSIM) ซึ่งได้ดำเนินการเรื่อยมาจนกระทั่งรัฐบาลสิงคโปร์รับช่วงต่อ โดยการเปลี่ยนชื่อจาก UniSIM เป็น SUSS และได้ประกาศให้มีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในปี 2017
SUSS แม้ว่าจะมีที่มาจากการเป็นมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาผู้ใหญ่คนทำงาน แต่ปัจจุบันนอกจากเปิดรับนักศึกษาผู้ใหญ่แล้ว ก็ยังเปิดรับนักศึกษาที่เรียนจบ ม.ปลายเพื่อเข้าเรียนต่อ ป.ตรี ด้วย โดยมีทั้งหมด 5 คณะคือ คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คณะธุรกิจ คณะมนุษยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สิงคโปร์ต้องการให้ SUSS เป็นมหาวิทยาลัยที่เชี่ยวชาญทางด้านสังคมศาสตร์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาชุมชนและมนุษย์ รวมถึงให้เป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตหรือ Lifelong Learning ด้วย
|
|
อัตราการแข่งขันเข้าเรียนสูง
|
ด้วยเหตุที่จำนวนนักเรียนที่มาสมัครเรียนเข้ามหาวิทยาลัยมีมากกว่าจำนวนที่รับได้ ประกอบกับมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครไว้สูง ทำให้การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของสิงคโปร์ถือว่ามีความยาก-ยากมาก ดังนั้นนักเรียนที่หลุดเข้าไปเรียนได้จึงต้องเป็นนักเรียนที่มีประวัติการเรียนและมีผลการสอบ GCE A Level ในระดับดีมากๆ
|
|
 |
|
เรียบเรียงข้อมูลโดย "เรียนสิงคโปร์ดอทคอม" ศูนย์แนะแนวเรียนต่อสิงคโปร์โดยเฉพาะ |