หลังจากผลคะแนน PISA ออกมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่) และปรากฎชื่อของสิงคโปร์ขึ้นอันดับ 1 ของโลกในทุกประเภทของการประเมิน ทั้งวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการอ่าน สื่อหลายๆแห่งและผู้เชียวชาญด้านการศึกษาได้ให้ความสนใจและออกมาวิเคราะห์กันว่าทำไมประเทศเล็กๆในอเซียนี้ ถึงมีระบบการศึกษาที่ล้ำหน้าขึ้นอันดับหนึ่งในการประเมินผลที่ถือว่าเป็น World Cup ในวงการศึกษาของโลก อะไรเป็นปัจจัยที่ระบบการศึกษาของประเทศที่เพิ่งได้รับเอกราชมาเมื่อปี 1965 ได้แซงหน้าหลายๆประเทศในโลก
จุดเริ่มต้นการพัฒนาการศึกษาของชาติ
สิงคโปร์มีระบบรากฐานการศึกษาที่ได้วางไว้จากอังกฤษเมื่อครั้งเป็นอาณานิคม ในช่วงที่ได้รับเอกราชนั้น ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ยังอ่านไม่ออกและเขียนไม่ได้ นายกรัฐมนตรี ลี กวน ยู ในสมัยนั้น เล็งเห็นว่าหากจะพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า สิงคโปร์จะต้องให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาเป็นอย่างแรกเพื่อเตรียมคนให้พร้อมกับการพัฒนาประเทศ
ก้าวข้ามการศึกษาแบบท่องจำ
ในช่วงปี 1980 กระทรวงศึกษาธิการสิงคโปร์เล็งเห็นว่า สิงคโปร์ควรจะพัฒนาตำราและการสอนสำหรับคนสิงคโปร์ โดยที่นักวิชาการด้านการศึกษาและนักวิจัยของสิงคโปร์ได้ไปศึกษาดูงานระบบการศึกษาจากประเทศชั้นนำต่างๆ ของโลกเช่น แคนาดา และ ญี่ปุ่น และนำมาพัฒนาเป็นของตนเอง โดยจุดประสงค์ของการพัฒนาการศึกษา คือ เพื่อให้การเรียนการสอนก้าวข้ามจากการเรียนการสอนที่เน้นท่องจำ (rote learning)แบบเดิมๆ
ขับเคลื่อนการศึกษาแบบ Problem-based learning
ดังนั้น การเรียนการสอนของสิงคโปร์ จะเน้นการนำไปใช้ในชิวิตจริง และ การแก้ไขปัญหา (Problem-based learning) ยกตัวอย่างเช่น ในการเรียนคณิตศาสตร์ ครูผู้สอนอาจจะพานักเรียนไปทัศนศึกษาที่สนามบินชางฮี และให้นักเรียนใช้เลขในการคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน และคำนวนจำนวนผู้โดยสารที่แท๊กซี่สามารถรองรับได้
และในการเรียนคณิตศาสตร์นั้น ครูจะให้ความสำคัญกับวิธีที่ได้มาซึ่งคำตอบ มากกว่าคำตอบที่ถูกต้องที่เฉลยจากคุณครู ครูอาจจะให้นักเรียนแต่ละคนออกมาแสดงวิธีทำของโจทย์เลข เพราะคำตอบเดียวกันอาจจะมีที่มาจากหลายวิธีการได้
วางวิชาคณิตฯ กับ วิทย์ เป็นแกนหลักการศึกษา
นอกจากนั้น หลักสูตรของสิงคโปร์ ให้ความสำคัญกับวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก ทั้งสองวิชานี้คือวิชาหลักในทุกระดับชั้น แม้แต่นักเรียนในระดับมัธยมปลายที่เลือกเน้นเรียนสายมนุษยศาสตร์ก็จะต้องเลือกเรียนวิชาคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในวิชาบังคับ
สิงคโปร์ให้ความสำคัญของการวางรากฐานของการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงประถมศึกษา เมื่อเทียบกับประเทศฝั่งตะวันตก หัวข้อการเรียนในแต่ละวิชาอาจจะไม่มากเท่า แต่สิงคโปร์เน้นความลึกของแต่ละวิชา กล่าวคือ หัวข้อในการเรียนน้อยกว่าแต่เรียนให้ลึกกว่า
ครูที่มีคุณภาพ
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่าเป็นปัจจัยหลักของการประสบความสำเร็จ คือ ประเทศสิงคโปร์มีครูที่มีคุณภาพ ประเทศสิงคโปร์มีหน่วยงานที่ทำหน้าที่อบรมครูโดยเฉพาะที่เรียกว่า National Institute of Education (NIE) ครูใหม่ทุกคนจะต้องผ่านการอบรมจากส่วนกลางที่สถาบันแห่งนี้ ซึ่งทำให้การสอนเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ตามที่ BBC ได้วิเคราะห์ไว้ว่า นี่คือข้อดีของการเป็นประเทศเล็กที่ทุกอย่างสามารถรวมศูนย์ในการบริหารจัดการและควบคุมมาตรฐานได้
สิงคโปร์ลงทุนกับครูค่อนข้างมาก จะเห็นได้ว่า การคัดเลือกบรรจุครูจะคัดสรรจากนักศึกษาที่ได้คะแนนในระดับต้นๆของชั้น และเพื่อดึงดูดคนที่มีเก่งมาเป็นครู การทำให้อาชีพครูเป็นอาชีพที่มีโอกาสและความก้าวหน้าทางสายวิชาชีพ สามารถพัฒนาเป็นครูใหญ่ เป็นนักวิจัยทางการศึกษาได้
และการพัฒนาบุคลากรครูนั้นทำมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ดังที่ Prof Sing Kong Lee, vice-president of Nanyang Technological University กล่าวไว้ว่า “การศึกษาเปรียบเหมือนกับระบบนิเวศน์วิทยา ทุกอย่างต้องเกื้อหนุนกัน เราไม่สามารถพัฒนาระบบการศึกษาได้หากทำการเปลี่ยนแปลงแค่ส่วนใดส่วนหนึ่ง”
และด้วยปัจจัยดังกล่าวข้างต้นนี้ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสิงคโปร์จึงขึ้นอันดับหนึ่งในการประเมินผลมาตรฐานการศึกษาระดับโลก
|