|
มัธยมของสิงคโปร์ยุคใหม่ : การเปลี่ยนผ่านสู่การใช้ระบบ Full SBB มีหลักการทำงานอย่างไร
|
 |
| อัพเดตล่าสุด : 5 ธันวาคม 2025 |
|
ระบบมัธยมศึกษาสิงคโปร์ (Secondary Education System in Singapore) ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญโดยกระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ได้นำระบบที่เรียกว่า Full Subject-Based Banding (Full SBB) มาใช้ในการจัดการเรียนการสอน เริ่มใช้ปีการศึกษา 2024 เป็นต้นไป "เรียนสิงคโปร์" ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์ จึงได้ทำสรุปสาระสำคัญของระบบมัธยมศึกษาแบบ Full SBB ดังนี้
|
|
สรุประบบมัธยมฯแบบเดิม
|
|
ระบบมัธยมฯสิงคโปร์แบบเดิมใช้ระบบที่เรียกว่า Streaming เริ่มใช้ในปีการศึกษา 1981 Streaming เป็นระบบที่มีการแบ่งสายการเรียนตามผลการเรียนของนักเรียนอย่างชัดเจนซึ่งประกอบด้วย
● สาย Integrated Programme (IP) เป็นสายการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนระดับสูงมาก สามารถเรียนวิชาการในระดับความเข้มข้นสูงได้
● สาย Express Course เป็นสายการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดีและสามารถรองรับการเรียนวิชาการแบบเข้มข้นได้เช่นกัน แต่ไม่เท่ากับสาย Integrated Programme
● สาย Normal Course (Academic) เป็นสายการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนระดับปานกลาง สามารถรองรับการเรียนวิชาการระดับมาตรฐานทั่วไปได้
● สาย Normal Course (Technical) เป็นสายการเรียนสำหรับนักเรียนที่มีผลการระดับปานกลางถึงน้อย การเรียนการสอนจะเน้นการเรียนรู้เชิงปฏิบัติและเทคนิคมากกว่าการเรียนรู้เชิงวิชาการ
|
 |
|
ตั้งแต่ปีการศึกษา 2024 เป็นต้นไป กระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ ยกเลิกการเรียนสาย Express สาย Normal (Academic) และสาย Normal (Technical)
แต่กระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ ไม่ยกเลิกสาย Integrated Programme คงให้มีการเรียนการสอนต่อไป
|
| ระบบมัธยมฯแบบใหม่ Full SBB |
|
กระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ นำระบบ Full Subject-Based Banding หรือ Full SBB มาใช้แทนระบบ Streaming แบบเดิม และได้เริ่มใช้อย่างเป็นทางการในปีการศึกษา 2024
|
| ลักษณะเด่นของระบบ Full SBB |
|
(1) Subject-Based Banding: วิชาเรียนต่างๆในระดับมัธยมฯ มีการแบ่ง Level ความยากง่ายของเนื้อหาออกเป็น 3 ระดับ
(2) Mixed Form Class: จัดห้องเรียนให้นักเรียนที่มีภูมิหลังการเรียนแตกต่างกันอยู่ห้องเรียนเดียวกัน
|
| |
| Subject-Based Banding |
|
ระบบ Full SBB จะให้วิชาเรียนต่างๆในระบบมัธยมฯ มีการแบ่งระดับ (Level) ความยากง่ายของเนื้อหาออกเป็น 3 Level โดยแบ่งเป็นระดับ G1, G2, G3 ตามลำดับ (G ย่อมาจาก General)
|
 |
|
ยกตัวอย่างวิชาคณิตศาสตร์ในระบบ Full SBB จะมี 3 Level คือ ภาษาอังกฤษระดับ G1 , G2 , G3 เรียงจากเนื้อหาระดับพื้นฐานไปเนื้อหาระดับสูง
|
| ทำไมจึงต้องมีการแบ่งระดับในวิชาที่เรียน |
|
เพราะนักเรียนแต่ละคนมีภูมิหลังการเรียน จุดแข็ง และความสนใจแตกต่างกัน ระบบ Full SBB จึงออกแบบให้วิชาที่เรียนในระดับมัธยมฯ เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ฯลฯ มีการแบ่งระดับความยากง่ายของเนื้อหาออกเป็น 3 ระดับ
นักเรียนจะได้เรียนเนื้อหาวิชาต่างๆ ในระดับความยากง่ายที่เหมาะสมกับพื้นฐานและตรงกับความสนใจของแต่นักเรียนละคน
เช่น นักเรียนที่มีจุดแข็งและเชี่ยวชาญในวิชาวิทยาศาสตร์ ก็จะได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ในระดับ G3 หากนักเรียนคนใดไม่ถนัดวิชานี้ ก็อาจลงไปเรียนระดับ G1 เป็นต้น
|
|
เส้นทางการเรียนเฉพาะตัว
แนวทางการเรียนแบบ Full SBB จะช่วยให้นักเรียนมีความสุขกับการเรียนมากขึ้น เพราะนักเรียนแต่ละคนจะมีเส้นทางการเรียนเฉพาะตัวที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมกับพื้นฐานความรู้ของตนเอง เช่น
|
|
นร.ที่มีพื้นฐานการเรียนดี
|
นร.ที่มีพื้นฐานการเรียนค่อนข้างดี
|
|
อาจได้เรียนระดับ G3 จำนวน 6 วิชา และเรียนระดับ G2 จำนวน 1 วิชา
|
อาจเรียนระดับ G3 จำนวน 2 วิชา และเรียนระดับ G2 จำนวน 5 วิชา
|
|
นร.ที่มีพื้นฐานการเรียนกลางๆ
|
นร.ที่มีพื้นฐานการเรียนไม่แข็งแรง
|
|
อาจเรียนระดับ G3 จำนวน 1 วิชา เรียนระดับ G2
จำนวน 5 วิชา และเรียนระดับ G1 จำนวน 1 วิชา
|
อาจเรียนระดับ G2 จำนวน 2 วิชา และเรียนวิชาระดับ G1 จำนวน 4 วิชา
|
|
|
|
|
หลักเกณฑ์กำหนดระดับวิชาของนักเรียน
เมื่อนักเรียนสิงคโปร์ขึ้นไปเรียนชั้น ม.1 กระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ จะจัดวางนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม (Posting Groups) โดยพิจารณาจากผลสอบจบระดับประถมศึกษาของสิงคโปร์ หรือ PSLE (Primary School Leaving Examination)
|
- Posting Group 1: คะแนนสอบ PSLE ไม่สูงมาก นักเรียนกลุ่มนี้จะได้เรียนวิชาส่วนใหญ่เป็นระดับ G1
- Posting Group 2: คะแนนสอบ PSLE สูงระดับกลางๆ นักเรียนกลุ่มนี้จะได้เรียนวิชาส่วนใหญ่เป็นระดับ G2
- Posting Group 3: คะแนนสอบ PSLE สูงมาก นักเรียนกลุ่มนี้จะได้เรียนวิชาส่วนใหญ่เป็นระดับ G3
|
- ยืดหยุ่นสามารถปรับเปลี่ยนระดับได้
แม้ว่านักเรียนแต่ละคนจะถูกกำหนดระดับการเรียนของแต่ละวิชาตอนขึ้น ม.1 แต่ไม่ได้หมายความ นักเรียนต้องเรียนแบบนี้จนจบระดับมัธยมฯ เพราะระหว่างทาง เช่น ม.2 หรือ ม.3 อาจมีการปรับระดับบางวิชาขึ้นหรือลงก็ได้
ยกตัวอย่าง นักเรียน A ตอนขึ้น ม.1 ได้เรียนภาษาอังกฤษระดับ G2 ซึ่งระหว่างเรียน นักเรียนทำผลงานวิชานี้ดีมาก พอขึ้น ม.2 นักเรียนอาจขอให้ครูและโรงเรียนได้พิจารณาปรับระดับวิชาภาษาอังกฤษเป็นระดับ G3 ก็ได้
|
.jpg) |
| |
- จัดห้องเรียนแบบ Mixed Form Class
|
|
ความหลากหลาย
ระบบ Full SBB มีแนวคิดในการจัดห้องเรียนคือ 1 ห้องเรียนแต่มีความหลากหลาย แม้จะมีการแบ่ง Group นักเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม แต่การจัดห้องเรียนในระดับมัธยมฯ นั้น จะให้นักเรียนทั้ง 3 กลุ่มนั้นอยู่ห้องเดียวกัน (Mixed Form Class) แบบคละกัน
|
|
การเรียนรู้ร่วมกัน
นักเรียนทั้ง 3 กลุ่มซึ่งมีความแตกต่างกันในพื้นฐานความรู้ ความสนใจ จุดแข็ง ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน
|
| แตกต่างจากระบบเดิม Streaming ที่แบ่งนักเรียนออกเป็นสาย แล้วแยกห้องเรียนตามสายอย่างชัดเจน ไม่ได้นำมาเรียนด้วยกันแบบ Full SBB |
| |
 |
- การเรียนการสอนในห้องแบบ Mixed Form Class
หลายคนสงสัยว่า เมื่อจัดนักเรียนจาก Group 1,2,3 มาอยู่ห้องเดียวกัน และแต่ละ Group ก็เรียนวิชาหลักในระดับต่างกันคือ G1, G2, G3 ต่างกัน แล้วครูจะสอนอย่างไร
|
|
กลุ่มวิชาหลักที่มีการแบ่งระดับ
G1 G2 G3
|
กลุ่มวิชาที่เรียนร่วมกัน
(Common Curriculum Subjects)
|
|
● ภาษาอังกฤษ
● ภาษาแม่
● คณิตศาสตร์
● กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์
● ภูมิศาสตร์
● ประวัติศาสตร์
● วรรณคดีอังกฤษ
● สังคมศึกษา
● คอมพิวเตอร์
|
● ศิลปะ
● การออกแบบและเทคโนโลยี
● โภชนาการ
● ดนตรี
● พลศึกษา
● การศึกษาคุณธรรมและพลเมือง
|
|
เมื่อถึงคาบวิชาที่มีการแบ่งระดับ นักเรียนแต่ละคนจะแยกย้ายไปเรียนวิชาตามระดับของตนเองกับนักเรียนห้องอื่นๆ
เช่น A กับ B เป็นเพื่อนร่วมห้องกัน แต่ A เรียนภาษาอังกฤษแบบ G3 ส่วน B เรียนแบบ G2 เมื่อถึงวิชาภาษาอังกฤษ A กับ B จะแยกย้ายไปเรียนภาษาอังกฤษตามระดับของตนเองกับนักเรียนห้องอื่นที่ระดับเดียวกัน
|
เมื่อถึงคาบวิชากลุ่มนี้ นักเรียนจาก Group 1,2,3 ที่อยู่ห้องเดียวกัน จะเรียนร่วมกันไม่ต้องแยกย้ายไปเรียน
|
|
|
ระยะเวลาในการเรียน
- เรียน ม.1 - ม.4 ระยะเวลา 4 ปี
|
|
การจบการศึกษาและค่าใช้จ่าย
|
|
การจบระดับมัธยมฯสิงคโปร์
|
|
· กระทรวงศึกษาฯสิงคโปร์ มีระบบประเมินผลการเรียนนักเรียนทั่วประเทศ โดยนักเรียนทุกคน จะต้องเข้าสอบจบที่เรียกว่า SEC (Singapore-Cambridge Secondary Education Certificate)
· SEC เป็นการสอบส่วนกลาง (National Examination) ซึ่งทดแทนการสอบส่วนกลางระบบเดิมคือ Singapore Cambridge GCE O Level และ GCE N Level ตามลำดับ
· จุดประสงค์ของการสอบคือ เพื่อประเมินผลความรู้ระดับมัธยมฯที่เรียนมา โดยใช้ข้อสอบกลางและสอบพร้อมกันทั่วประเทศ
· เป็นการสอบเพื่อจบระดับมัธยมฯของสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ และผลสอบมีผลต่อการไปเรียนต่อระดับ Post Secondary หรือระดับหลังมัธยมฯ
|
|
เส้นทางหลังเรียนจบ ม.4
|
|
ระดับ Post Secondary เช่น เรียนต่อระดับ A Level ที่ Junior College และ Millennia Institute หรือต่อสายวิชาชีพ เช่น Polytechnic และ Institute of Technical Education (ITE)
|
|
| ค่าเรียนต่อปี |
- นักเรียนสัญชาติสิงคโปร์ จ่ายค่าเรียน + ค่ากิจกรรมโรงเรียน คิดเป็นเงินไม่เกิน 300 เหรียญสิงคโปร์ต่อปี (ประมาณ 7,700 บาทต่อปี)
|
- นักเรียนไทยต้องจ่ายค่าเรียน + ค่ากิจกรรมให้โรงเรียนรัฐบาล = 12,621.60 เหรียญสิงคโปร์ต่อปี (ประมาณ 320,000 บาทต่อปี) ข้อมูลค่าเรียนปี 2026
|
|
การเข้าไปเรียนระบบมัธยมฯสิงคโปร์สำหรับนักเรียนไทย
|
|
จะกล่าวถึงเฉพาะกรณีนักเรียนไทยจะเข้าไปเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาในโรงเรียนรัฐบาลของสิงคโปร์เท่านั้น
กรณีนี้มีช่องทางเดียวคือการสมัครสอบ Admissions Exercise for International Students (AEIS) ซึ่งเป็นการสอบคัดเลือกนักเรียนต่างชาติที่มีความประสงค์จะเข้าโรงเรียนรัฐบาลสิงคโปร์ คลิกดูคู่มือการสอบเข้ารร. รัฐบาล
|
|
บทความแนะนำอ่านเพิ่มเติม
เรียนต่อมัธยมที่สิงคโปร์
เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์
|
|
รวบรวมและเรียบเรียงบทความโดย
|
|
เรียนสิงคโปร์ Rian Singapore ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์ | Your Gateway to Education in Singapore
สนใจปรึกษาเรื่องการเรียนต่อสิงคโปร์เพิ่มเติม ติดต่อเราได้ที่:
|
@riansingapore |
085 932 9081 |
| |
| อัปเดตข้อมูลล่าสุดโดย เรียนสิงคโปร์ Rian Singapore ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์ : 5 ธันวาคม 2025 |
| |
| |