Tips เตรียมความพร้อมก่อนส่งลูกมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ – เรียนสิงคโปร์ดอทคอม
|
|
“เรียนสิงคโปร์” ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์โดยเฉพาะ ให้คำปรึกษาเรื่องเรียนต่อระดับมัธยมฯที่สิงคโปร์ให้กับนักเรียนและผู้ปกครองไทยมาเป็นเวลาหลายปีซึ่งคำถามที่ถูกถามมากที่สุดคือ ผู้ปกครองจะช่วยนักเรียนเตรียมตัวอย่างไร ก่อนจะไปเรียนต่อมัธยมฯที่ประเทศสิงคโปร์ ? เชื่อแน่ว่า คำถามนี้หากผู้ปกครองไปถามคน 10 คน ก็จะได้ 10 คำตอบ 10 มุมมองที่แตกต่างกัน เพราะคนตอบย่อมมีภูมิหลังเกี่ยวกับการศึกษาสิงคโปร์ที่ตื้นลึกไม่เท่ากัน
|
 |
|
ให้ครูใหญ่โรงเรียนเอกชนสิงคโปร์เป็นคนตอบ
|
|
ดังนั้น “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” จึงลองส่งต่อคำถามนี้ไปให้คนที่รู้จักระบบการศึกษาสิงคโปร์เป็นอย่างดีเป็นคนตอบ โดยได้ติดต่อ คุณครูใหญ่และรองครูใหญ่โรงเรียน St Francis Methodist หรือ SFMS โรงเรียนเอกชนที่อยู่คู่กับประเทศสิงคโปร์มากว่า 60 ปี
|
|
โรงเรียน SFMS สิงคโปร์รู้จักนักเรียนไทยเป็นอย่างดี
|
|
เหตุที่ “เรียนสิงคโปร์ดอทคอม” เลือกสัมภาษณ์ครูจากโรงเรียนเอกชน St Francis Methodist (SFMS) สิงคโปร์นั้น เพราะเป็นโรงเรียนในสิงคโปร์ไม่กี่แห่งที่คุ้นเคยและรู้จักนักเรียนไทย ผ่านการสอนนักเรียนไทยมาหลายคน มาหลายรุ่นแล้ว จึงย่อมรู้จุดแข็ง จุดอ่อนของนักเรียนไทยเวลามาเรียนที่สิงคโปร์เป็นอย่างดี ดังนั้นคำตอบที่ได้รับ คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนและผู้ปกครองไทยสำหรับการเตรียมตัวก่อนมาเรียนมัธยมฯที่สิงคโปร์
|
|
Tips เตรียมตัวอย่างไรก่อนมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์
|
|
“เรียนสิงคโปร์” เริ่มคำถามว่า ผู้ปกครองหลายท่านอยากทราบว่าก่อนจะส่งลูกไปเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ คุณครูมีข้อแนะนำสำหรับผู้ปกครองในเรื่องการเตรียมตัวก่อนที่จะส่งลูกมาเรียนที่ St Francis Methodist (SFMS) สิงคโปร์ รวมถึงโรงเรียนมัธยมฯแห่งอื่นไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐบาลและโรงเรียนเอกชนในสิงคโปร์อย่างไรบ้าง
|
|
 |
 |
|
คุยกับลูกให้เข้าใจจุดประสงค์ของการมาเรียนต่อสิงคโปร์
|
|
คุณครูใหญ่ให้คำแนะนำว่า “ในฐานะที่ผมก็เป็นพ่อเหมือนกัน สิ่งสำคัญก่อนที่จะส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ ผมแนะนำว่าเราควรจะคุยกับลูกก่อน พูดคุยว่าทำไมเราถึงต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ผู้ปกครองหลายคนอาจใช้การตัดสินใจของตนเองเป็นหลักโดยที่ยังไม่ได้สื่อสารกับลูกหรือสอบถามความสมัครใจของตัวเด็กมาก่อน ดังนั้น จะเห็นว่าหลายๆคนที่เดินทางมาเรียนแล้วจะรู้สึกเครียดและหงุดหงิด โดยเฉพาะหากนักเรียนไม่สามารถปรับตัวกับการเรียนได้ เริ่มคิดถึงเพื่อนเก่า และสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เหล่านี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเด็กในทันที"
|
|
เมื่อเด็กพร้อมก็ย้ายไปเรียนที่สิงคโปร์ไม่ใช่เรื่องยาก
|
|
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือ ผู้ปกครองควรมีการสื่อสาร พูดคุยกับลูก ให้ลูกเข้าใจถึงเหตุผลในการไปเรียนต่อและยินยอมพร้อมจะเดินตามแผนร่วมกัน การคุยกันนี้คงต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่แค่ 1-2 สัปดาห์ก่อนการไปเรียน เตรียมตัวเด็กให้พร้อมก่อนที่จะออกไปเรียนต่อเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เมื่อเด็กพร้อม การเปลี่ยนถ่ายย้ายโรงเรียน ย้ายประเทศ ก็จะไม่ใช่เรื่องยาก
|
 |
|
ให้เด็กร่วมตัดสินใจช่วยลดปัญหา
|
|
รองคุณครูใหญ่ ให้ความเห็นเสริมว่า ทัศนคติเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ตัวนักเรียนเองจะต้องรับทราบและเข้าใจว่าทำไมจึงย้ายไปเรียนที่สิงคโปร์ สำหรับผู้ปกครองการคุยกับเด็กอย่างตรงไปตรงมา รวมทั้งต้องให้เด็กเองมีส่วนในการตัดสินใจของการไปเรียนต่อเป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากตัวเด็กรับรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่จะมาเรียนต่อ ส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้จะมีแรงจูงใจในการมาเรียน และหากเวลามีปัญหา หรืออุปสรรคในการเรียน เด็กๆก็พร้อมที่จะแก้ปัญหา
|
|
แนะผู้ปกครองอย่าตัดสินใจฝ่ายเดียว
|
|
ในทางตรงกันข้าม หากตัวนักเรียนเองไม่ได้มีความตั้งใจที่จะมาเรียนแต่เป็นการตัดสินใจจากทางผู้ปกครองฝ่ายเดียว และเด็กเองยังไม่พร้อมที่จะจากเมืองไทย เด็กกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาในการปรับตัวเข้ากับที่เรียนและส่งผลกับการเรียนในเวลาต่อมา ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลกับตัวเด็กเองในทางลบทั้งทางด้านความเครียดและปัญหาเรื่องพฤติกรรม
|
|
เตรียมความพร้อมให้ลูกพึ่งพาตนเอง
|
|
นอกจากนี้แล้ว ผู้ปกครองควรเตรียมความพร้อมนักเรียนเรื่องความรับผิดชอบต่อตัวเองและระเบียบวินัยต่างๆพื้นฐานก่อนการไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะการไปเรียนต่อต่างประเทศ นักเรียนจะไม่มีพ่อแม่คอยช่วยเหลือดูแลอย่างใกล้ชิดเหมือนอยู่ในประเทศบ้านเกิด
|
|
ดังนั้นหากนักเรียนมีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัย นักเรียนจะบังคับและดูแลตนเองได้ และทางผู้ปกครองอาจจะต้องสื่อสารกับทาง Guardian ที่คอยดูแลเด็กขณะที่เรียนอยู่ที่สิงคโปร์อย่างสม่ำเสมอด้วย (นักเรียนไทยที่ไปเรียนที่โรงเรียน St Francis Methodist ผู้ปกครองจะต้องแต่งตั้ง Guardian ให้เป็นคนคอยดูแลนักเรียนระหว่างเรียนที่สิงคโปร์)
|
 |
|
เตรียมภาษาอังกฤษให้พร้อม
|
|
นอกจากการเตรียมความพร้อมด้านจิตใจแล้ว ครูใหญ่โรงเรียน St Francis Methodist (SFMS) ยังย้ำให้นักเรียนเตรียมเรื่องวิชาการด้วยโดยเฉพาะ “ภาษาอังกฤษ” อย่างที่ทราบกันดีว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักที่ใช้ในการเรียนการสอนที่สิงคโปร์ ดังนั้นอย่างน้อย นักเรียนควรจะต้องพอพูด อ่านและเขียนในระดับที่สือสารได้
|
|
ภาษาอังกฤษลดปัญหานักเรียนเรียนไม่ทันเพื่อน
|
|
รองครูใหญ่โรงเรียน St Francis Methodist (SFMS) ก็เห็นด้วยในประเด็นนี้โดยกล่าวเสริมว่า ผู้ปกครองนอกจากจะเตรียมความพร้อมด้านจิตใจให้กับนักเรียนอย่างที่กล่าวข้างต้นแล้ว สำหรับในแง่วิชาการ นักเรียนควรจะต้องเตรียมความพร้อมพื้นฐานภาษาอังกฤษมาในระดับหนึ่งเพื่อที่เวลามาเรียนจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด หรือตามเพื่อนๆได้ทัน
|
|
SFMS พร้อมช่วยเหลือปัญหาภาษาอังกฤษของนักเรียน
|
|
ที่โรงเรียนของเราภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้ในการสื่อสารและเป็นภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน เรามีคุณครูที่พร้อมจะช่วยเหลือนักเรียนในการพัฒนาภาษาอังกฤษ หากมีปัญหาในการเรียน ตัวเด็กเองสามารถเข้าไปพบคุณครูเพื่อขอความช่วยเหลือได้ตลอด (โรงเรียน St Francis Methodist (SFMS) มีหลักสูตรเตรียมความพร้อมภาษาอังกฤษก่อนขึ้นไปเรียน ม.1-2 ซึ่งโรงเรียนจะให้นักเรียนเรียนหลักสูตรนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลการสอบวัดความรู้ซึ่งจะสอบช่วงสมัครเรียน)
|
|
 |
|
ให้นักเรียนฝึกตั้งคำถามและแสดงความเห็นในห้องเรียน
|
|
ระบบการศึกษาสิงคโปร์ รวมถึงที่โรงเรียน St Francis Methodist (SFMS) ส่งเสริมการแสดงออกทางความคิดเห็น เด็กๆสามารถตั้งคำถามกับคุณครูในห้องเรียนหากมีคำถาม โดยไม่ต้องกังวลหรืออายว่าใช้ภาษาอังกฤษถูกต้องหรือไม่ เพราะนักเรียนที่นี่ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนต่างชาติที่ไม่ได้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาแรก การตั้งคำถามและแสดงความเห็นเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ รองครูใหญ่ย้ำประเด็นนี้ เพราะเห็นว่า นักเรียนไทยเวลามาเรียนที่สิงคโปร์ ชอบเงียบ เรียบร้อยเวลาเรียน ไม่แสดงความเห็นในห้องเรียน
|
|
เตรียมตัวมาดีก่อนมาเรียน ปรับตัวได้ง่ายกว่า
|
|
การย้ายไปอยู่ประเทศใหม่ ไปเริ่มเรียนในโรงเรียนใหม่ เรียนภาษาที่ไม่ได้เป็นภาษาแรก และต้องปรับตัวเข้ากับเพื่อนใหม่คนเดียวโดยที่ไม่มีพ่อกับแม่คอยอยู่ข้างๆ ถือเป็นงานที่ยากสำหรับเด็กบางกลุ่ม แต่เราพบว่า มีเด็กหลายๆคนที่ผู้ปกครองได้เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งทางด้านจิตใจและทางด้านวิชาการ เด็กกลุ่มนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาในการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆและปรับตัวกับการเรียนได้ดี
|
|
แนะมา 1 สัปดาห์ก่อนเปิดเรียน สร้างความคุ้นเคย
|
|
ท้ายสุด รองครูใหญ่แนะนำว่าควรจะเผื่อเวลามาถึงสิงคโปร์ก่อนวันเปิดเทอมสักนิดหน่อยเพื่อที่จะให้เด็กๆได้คุ้นเคยกับสถานที่และสิ่งแวดล้อมใหม่ๆก่อนถึงเวลาที่จะเปิดเทอม สิ่งเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จะช่วยเด็กๆในการปรับตัวและพร้อมที่จะเริ่มเรียน
|
|
บทสรุป
|
|
“เรียนสิงคโปร์” ขอขอบคุณครูใหญ่และรองครูใหญ่โรงเรียนเอกชนสิงคโปร์ St Francis Methodist (SFMS) ที่ให้คำแนะนำดีๆในเรื่องเตรียมความพร้อมนักเรียนก่อนมาเรียนสิงคโปร์
คำแนะนำนี้ไม่ได้มีประโยชน์ต่อผู้ปกครองที่จะส่งนักเรียนมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อผู้ปกครองและนักเรียนที่จะมาเรียนต่อทุกระดับชั้นในสิงคโปร์ไม่ว่าจะเป็นระดับประถมฯ ระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโท รวมถึงการมาเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษที่สิงคโปร์ด้วย
|
|
สัมภาษณ์และเรียบเรียงข้อมูลโดย “เรียนสิงคโปร์” ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อสิงคโปร์โดยเฉพาะ
|
.jpg) |