ทำไมจิตวิทยาจึงสำคัญในยุคที่สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่
ReadyPlanet.com
dot
dot


ทำไมจิตวิทยาจึงสำคัญในยุคที่สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่ article

 

ทำไมจิตวิทยาจึงสำคัญในยุคที่สุขภาพจิตเป็นเรื่องใหญ่

 

คุยกับ ดร. Ai Ni Teoh หัวหน้าฝ่ายวิชาการ รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาจิตวิทยา ที่ มหาวิทยาลัยเจมส์ คุก วิทยาเขตสิงคโปร์

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา "สุขภาพจิต" กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ได้รับการพูดถึงมากขึ้นในสังคมทั่วโลก ทั้งในระดับส่วนบุคคล องค์กร ไปจนถึงระดับนโยบายของรัฐ ปัญหาความเครียด วิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอย่างเปิดเผยมากขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความตระหนักรู้ที่เพิ่มขึ้นของผู้คนต่อความสำคัญของจิตใจที่แข็งแรงไม่แพ้สุขภาพกาย

เพื่อสำรวจบทบาทของการเรียนสาขาจิตวิทยาในยุคที่ผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น เรียนสิงคโปร์ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ดร. Ai Ni Teoh ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและหัวหน้าฝ่ายวิชาการจากมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก วิทยาเขตสิงคโปร์ ถึงมุมมองเกี่ยวกับแนวโน้มการเรียนรู้จิตวิทยาในปัจจุบัน และเหตุผลว่าทำไมจิตวิทยาจึงเป็นสาขาวิชาที่ได้ร้บความสนใจมากกว่าที่เคย

 
 

สุขภาพจิตกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากขึ้นในสังคมปัจจุบัน จากมุมมองของอาจารย์ อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ 

การตระหนักรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิตที่เพิ่มขึ้นในสังคมปัจจุบันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้เกิดความเครียดในวงกว้าง และทำให้ผู้คนมองเห็นถึงความสำคัญของสุขภาพจิตอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ คนรุ่นใหม่ยังพบกับปัญหาสุขภาพจิตในระดับที่สูงขึ้น ทั้งจากความกดดันจากการเรียน การงาน และสังคม รวมถึงไลฟ์สไตล์ในเมืองที่เร่งรีบ เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และความคาดหวังสูง ทั้งหมดนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตเช่นกัน

แต่ในขณะเดียวกัน สังคมก็ให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้นผ่านนโยบายและการสนับสนุนด้านต่าง ๆ ทั้งจากสถาบันการศึกษา สื่อ และโซเชียลมีเดียล้วนก็มีบทบาทในการเปิดพื้นที่ให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตอย่างเปิดเผยมากขึ้น และช่วยลดการตีตราในสังคม

 
 

แล้วการศึกษาด้านจิตวิทยามีบทบาทอย่างไรในการรับมือกับความท้าทายดังกล่าว

การศึกษาด้านจิตวิทยามีบทบาทสำคัญในการรับมือกับปัญหาสุขภาพจิตในหลายแง่มุม

ในแง่มุมแรก เราสามารถผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เตรียมความพร้อมให้บุคคลากรสามารถประกอบวิชาชีพนักจิตวิทยาคลินิก หรือนักบำบัดด้านสุขภาพจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การศึกษาด้านจิตวิทยา จะช่วยให้มีงานวิจัยด้านจิตวิทยามากขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจว่าทำไมบางคนจึงประสบกับปัญหาสุขภาพจิต ขณะที่บางคนสามารถรับมือได้ดี ซึ่งองค์ความรู้นี้จะช่วยพัฒนาแนวทางการช่วยเหลือและการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ และการนำองค์ความรู้นี้ ไปเผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชน จะช่วยเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพจิตในระดับสังคม ช่วยลดการตีตรา และส่งเสริมการเข้ารับการดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

ในแง่มุมระดับบุคคล ความรู้ด้านจิตวิทยาช่วยให้บุคคลสามารถเข้าใจอารมณ์ของตนเอง และเลือกใช้วิธีเผชิญปัญหาที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางใจในชีวิตประจำวัน

ในแง่มุมระดับนโยบายสาธารณะ นักจิตวิทยาสามารถให้ข้อมูลเชิงวิชาการแก่ผู้กำหนดนโยบาย เพื่อผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษา ระบบสุขภาพ และสภาพแวดล้อมการทำงาน

สรุปก็คือ เมื่อสุขภาพจิตได้รับความสนใจในระดับโลกมากขึ้น จิตวิทยาจึงทำหน้าที่เป็นทั้งพื้นฐานทางวิชาการและเครื่องมือในการรับมือกับความท้าทายนี้

 

 

 

คิดว่านักศึกษาควรมีคุณลักษณะหรือลักษณะความสนใจแบบใดจึงจะเหมาะกับการเรียนจิตวิทยา

โดยทั่วไป นักศึกษาที่จะเรียนสาขาจิตวิทยามักมีความสนใจที่จะเข้าใจมนุษย์ ทั้งในแง่ของความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม เป็นคนที่เปิดใจยอมรับความแตกต่างของแต่ละบุคคลและมีมุมมองต่อโลกที่หลากหลาย

คุณลักษณะอีกอย่างคือ มีความกระตือรือล้นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และเป็นผู้ฟังที่ดี นักศึกษากลุ่มนี้มักเหมาะกับสายอาชีพด้านจิตวิทยาคลินิกหรือนักให้คำปรึกษา

ในขณะที่นักศึกษาอีกกลุ่มหนึ่งอาจมีความอยากรู้อยากเห็น ช่างสังเกต และมีความคิดวิเคราะห์สูง ซึ่งเหมาะกับสายงานด้านการวิจัย

 
 

มีคำแนะนำอะไรสำหรับนักเรียนหรือผู้ปกครองที่กำลังพิจารณาสาขาจิตวิทยา แต่ยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับโอกาสในการทำงานในอนาคต?

จิตวิทยาเป็นสาขาที่เกี่ยวข้องกับสถิติและมีเนื้อหาเกี่ยวกับประสาทวิทยาศาสตร์อยู่บ้าง ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามภาพที่หลายคนคิดว่าจิตวิทยาเป็นสายศิลป์หรือความรู้ทั่วไป การเรียนจิตวิทยาต้องอาศัยการอ่านอย่างลึกซึ้ง เช่น การอ่านแล้วไตร่ตรอง วิเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นระบบ

จิตวิทยาไม่ใช่เพียงแค่ “สามัญสำนึก” เพราะจิตวิทยาจะตรวจสอบว่าสิ่งที่เราคิดว่าเป็นสามัญสำนึกนั้น มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับหรือไม่

สำหรับโอกาสในการทำงานของบัณฑิตจิตวิทยานั้นค่อนข้างหลากหลาย ทั้งในสายงานวิจัย การดูแลสุขภาพจิต และภาคธุรกิจ

นักศึกษาที่จบปริญญาตรีด้านจิตวิทยาสามารถทำงานในภาคธุรกิจได้ เช่น นักวิจัยด้านการตลาด (Market Researcher), นักวิจัยประสบการณ์ผู้ใช้ (UX Researcher), หรือฝ่ายสรรหาบุคลากร (Talent Acquisition) เป็นต้น ซึ่งถือว่ามีตัวเลือกที่กว้าง

อย่างไรก็ตาม หากต้องการทำงานด้านสุขภาพจิตโดยตรง เช่น ตำแหน่งผู้ช่วยนักจิตวิทยา (Associate Psychologist) หรือเจ้าหน้าที่ดูแลเคส (Case Manager) ในสายวิจัยก็เช่นกัน โดยมักเริ่มต้นที่ตำแหน่งผู้ช่วยวิจัยในมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัยต่าง ๆ

หากต้องการประกอบอาชีพด้านสุขภาพจิตหรือวิจัยในระยะยาว จำเป็นต้องศึกษาต่อในระดับปริญญาขั้นสูงหรือวิชาชีพเฉพาะทาง

 

เกี่ยวกับ ดร. Ai Ni Teoh

·        สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านสังคมศาสตร์ (โดยการทำวิจัย) จาก National University of Singapore และระดับปริญญาเอกสาขาจิตวิทยาสุขภาพและสังคม (Health and Social Psychology) จาก North Dakota State University, USA

·       หลังจากได้รับปริญญาเอก เริ่มดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเฮอริออท-วัตต์ (วิทยาเขตประเทศมาเลเซีย) ก่อนจะเข้าร่วมงานกับมหาวิทยาลัยเจมส์ คุก (วิทยาเขตประเทศสิงคโปร์) ในตำแหน่งอาจารย์อาวุโสตั้งแต่ปี พ.ศ.2561

 
 

 




Interviews

Tips เตรียมความพร้อมก่อนส่งลูกมาเรียนต่อมัธยมฯที่สิงคโปร์ article
เส้นทางการเรียนของนักเรียนไทยสู่ Top U สิงคโปร์ article
เรียนเต้นที่ NAFA สิงคโปร์ article
เล่าประสบการณ์การเรียน JCU สิงคโปร์ article
ทุน ASEAN Scholarship article
แชร์ประสบการณ์ไปเรียนภาษาอังกฤษ4สัปดาห์ที่สิงคโปร์ article
สอบเข้ารร รัฐบาลสิงคโปร์ AEIS Exam article
เล่าประสบการณ์เรียนcommunicationที่ PSB สิงคโปร์ article
สีน้ำเล่าประสบการณ์เรียนภาษาระยะสั้นรายเดียว article