นักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกา 1 ปี...
ReadyPlanet.com


นักเรียนแลกเปลี่ยนอเมริกา 1 ปี กลับมาแล้วสนใจจะไปเรียนต่อสิงคโปร์


ลูกชายตอนนี้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาเรียนอยู่เกรด 10  อายุ 16 ปี จะกลับมาราว มิถุนายน 2011 ผลการเรียนภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์อยู่ในเกณฑ์ดี ตั้งไจว่าจะไปเรียนต่อสิงคโปร์ ไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวยังไงเกี่ยวกับเรื่องเอกสาร การสมัตรสอบ สอบแล้วจะต้องเรียนระดับไหน ค่าใช้จ่ายปีละเท่าไหร่ แล้วถ้าสอบไม่ได้หรือถูกลดชั้นมากเราจะเลือกเรียนเอกชนได้หรือไม่แล้วค่าใช้จ่ายแพงกว่าโรงเรียนรัฐบาลมากหรือเปล่า ขอช่วยแนะนำด้วยครับหรือมีวิธีอื่นที่น่าสนใจกว่านี้

ขอบพระคุณมากครับ

 

 

 

 



ผู้ตั้งกระทู้ vit (forumhouse-at-yahoo-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2010-11-12 11:42:38


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1397985)

สวัสดีครับ

     เมื่อเรียนจบเกรด 10 ที่อเมริกาแล้ว หากสนใจเรียนต่อสิงคโปร์ ก็แนะนำให้สมัครเรียนต่อในระดับที่เทียบเท่าเกรด 11 ครับ ทางเลือกมีดังนี้ครับ

     1.  เรียนต่อสถานศึกษาของรัฐ 

     สถานศึกษาของรัฐที่เปิดสอนเทียบเท่าระดับเกรด 11 ของสิงคโปร์เรียกว่าระดับ   จูเนียร์คอลเลจ หรือระดับเตรียมเข้าสู่มหาวิทยาลัย (Pre University)  การเรียนระดับนี้จะใช้เวลาเรียน 2 ปี จากนั้นนักเรียนจะต้องเข้าสอบระดับประเทศเรียกว่า GCE A Level ผลสอบมีความสำคัญมาก เพราะจะต้องนำไปยื่นตอนสมัครเรียนต่อมหาวิทยาลัยทั้งในสิงคโปร์และต่างประเทศ มหาวิทยาลัยจะตอบรับเราเข้าเรียนหรือไม่ก็จะพิจารณาจากผลสอบ A Level ครับ 

     จูเนียร์คอลเลจในสิงคโปร์ มีประมาณ 20 แห่งทั่วประเทศ จัดว่าเป็นแหล่งรวมเด็กหัวกระทิของสิงคโปร์และต่างชาติ ประมาณกันว่า เด็กนักเรียนที่จบจากระดับมัธยมฯ ซึ่งมีโรงเรียนประมาณ 160 กว่าทั่วประเทศ มีเพียงประมาณร้อยละ 20 ของเด็กที่มีคะแนนดีที่สุดเท่านั้นที่ได้เข้าไปเรียนในจูเนียร์ คอลเลจ

     ค่าเรียนในระดับจูเนียร์ คอลเลจ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 150,000 บาทต่อปี + ค่าที่พัก อาหาร ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ประมาณ 300,000 - 360,000 บาทต่อปี

     2.  เรียนต่อสถานศึกษาของเอกชน

     เส้นทางการเรียนก็เหมือนกับของรัฐครับคือเรียน 2 ปี แล้วสอบ A Level แล้วเข้ามหาวิทยาลัย จะแตกต่างตรงที่เข้าง่ายกว่า แต่เวลาเข้าไปแล้วก็ไม่ได้เรียนง่ายเหมือนตอนเข้านะครับ

     ค่าเรียนของเอกชนจะแพงกว่าคือประมาณ 330,000 บาทต่อปี + ค่าที่พัก อาหาร ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ประมาณ 300,000 - 360,000 บาทต่อปี

     ความเห็นต่อไป อยู่ที่ช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่างนะครับ

    

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-11-13 10:52:43


ความคิดเห็นที่ 2 (1397986)

     ประเด็นต่อไป แล้วจะเลือกเรียนต่อที่ไหน

     ผมแนะนำว่า หลังจากที่นักเรียนกลับมาเมืองไทยแล้ว ให้คุณไปสมัครสอบ IGCSE ระดับ O Level ที่ British Council แถวสยาม

     ควรเลือกสอบประมาณ 6 วิชา โดย 2 วิชาที่ต้องสอบคือภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ ส่วน 4 วิชาหลังให้นักเรียนเลือกสอบเองตามความถนัด โดยดูว่า หากต้องการเน้นสายวิทย์ ก็เลือกวิชาสอบในสายวิทย์ หากเน้นสายศิลป์ ก็เลือกสอบวิชาในสายศิลป์

     หากผลสอบออกมา ปรากฏว่าได้เกรด A ทุกวิชา หรือได้ A 5 ตัว และได้ B 1 ตัว เป็นต้น  ผมแนะนำให้ลองนำผลสอบไปสมัครโดยตรงกับจูเนียร์ คอลเลจ ซึ่งมีหลายแห่งที่รับนักเรียนต่างชาติโดยตรง เช่น Victoria Junior College , Temasek Junior College  คุณลอง search ใน google ดูเพื่อหาเว็บไซด์ จากนั้นเข้าไปดูระเบียบการสมัครในหมวด Admission ครับ

     แต่หากผลสอบออกมาต่ำกว่านั้น ผมแนะนำให้นำผลคะแนนสมัครเรียนเอกชน ซึ่งคุณสามารถสมัครผ่าน เรียนสิงคโปร์ดอทคอม ได้ครับ

     ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-11-13 11:06:39


ความคิดเห็นที่ 3 (1398137)

         ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ ผมสงสัยว่าเมื่อจบเกรด 10 จากอเมริกาแล้ว เรานำผลการเรียนไปยื่นสอบวัดผลเพื่อเข้าเรียนเกรด 11 หรือ junior college ของรัฐเลยหรือครับ ถ้าไม่ได้จึงไปเรียน จูเนียร์ คอลเลค ของเอกชน เมื่อเข้าเรียนแล้วไม่ว่าของรัฐหรือเอกชนก็ต้องเรียนหนักทั้ง 2 ปี เพื่อจะสอบ A Level แล้วที่ว่าร้อยละ 20 ของโรงเรียนกว่า160 แห่งในสิงคโปร์ ที่มีคะแนนดีที่สุดที่จะได้เข้าเรียนใน จูเนียร์ คอลเลจ 20 แห่ง  เฉพาะของรัฐหรือครับ ส่วนของเอกชนจะสอบเข้าง่ายกว่าแต่ก็เรียนยากเหมือนกันใช่ไหมครับ ต่างกันที่ค่าเรียนแพงกว่าเท่านั้น

          ผมได้คุยกับผู้ปกครองท่านหนื่งเค้าบอกว่าลูกชายเค้าไปเรียนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เกรด 10 เหมือนกัน เมื่อกลับมาเมืองไทยราวเดือนมิถุนายน แล้วไปติวที่สิงคโปร์เพื่อเข้าสอบราวเดือนตุลาคม เข้าเรียน secondary 3 โรงเรียนของรัฐ เมื่อจบ sec 4 จึงสอบ o level เล้วเรียนต่อ poly ที่สิงคโปร์  3 ปี จากนั้นต่อมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์อีก 2 หรือ 3 ปี ผมไม่แน่ใจ ถ้าอย่างนั้นก็เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ท่านได้แนะนำให้เข้าเรียนจูเนียร์ คอลเลจเลย ถึงแม้เข้าเรียนของเอกชนซึ่งค่าเรียนจะแพงกว่าก็ตาม ผมไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่า ขอคำชี้แนะด้วยครับ

           อีกเรื่องหนึ่งครับ ผมเคยได้ยินผู้ปกครองบางท่านเคยบอกวาลูกเค้าเรียนที่สิงคโปร์จบ sec 4 สอบ o level และ sat ได้คะแนนดีแล้วเอาผลการสอบยื่นเข้าเรียนต่อ จุฬา ธรรมศาสตร์ inter ได้เลย ทำได้หรือครับ

           ส่วนที่ท่านแนะนำไปสอบ o level ที่ British Council กรุงเทพ แล้วต้องได้ A ทุกวิชา หรือ B 1 วิชา เด็กต้องทำคะแนนดีมากๆจึงจะได้ขนาดนั้น แล้วถ้าได้ตะแนนต่ำกว่านั้นก็เข้าเรียน จูเนียร์ คอลเลจ เอกชนโดยสมัครผ่านเรียนสิงคโปร์ดอทคอม การสอบจะสอบเดือนไหนครับ ตามความเข้าใจของผมคิดว่าถ้าผลสอบไม่ได่ A ตามที่ต้องการ เราเข้าเรียนเอกชนโดยผ่านเรียนสิงคโปร์ดอทคอม ก็ยังดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่จะไปเรียนระดับ sec 3 หรือมีเงื่อนไขอย่างอื่นที่ผมเข้าใจผิดหรือยังไม่ได้ทราบมาก่อน ขอช่วยแนะนำอีกหน่อยนะครับ

ขอบคุณมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น vit (forumhouse-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-15 09:59:39


ความคิดเห็นที่ 4 (1398191)

สวัสดีครับ

     ผมขอแยกตอบตามประเด็นดังนี้

     1. ผมสงสัยว่าเมื่อจบเกรด 10 จากอเมริกาแล้ว เรานำผลการเรียนไปยื่นสอบวัดผลเพื่อเข้าเรียนเกรด 11 หรือ junior college ของรัฐเลยหรือครับ 

     ตอบ  การสมัครเข้าเรียนต่อระดับจูเนียร์ คอลเลจ สำหรับนักเรียนต่างชาติ สามารถกระทำได้ดังนี้ครับ คือ สมัครเรียนผ่านทางออนไลน์ทางเว็บไซด์ของจูเนียร์ คอลเลจ ที่เปิดรับสมัคร  จากนั้นผู้สมัครส่งเอกสารตามที่กำหนด ขั้นตอนต่อไป จูเนียร์ คอลเลจ จะพิจารณาใบสมัคร  เอกสารการเรียน และประวัติการเรียน หากมีความโดดเด่น ก็จะเรียกผู้สมัครรายนั้นไปสอบวัดความรู้และสอบสัมภาษณ์ ก่อนตัดสินใจว่าจะรับนักเรียนรายนั้นเข้าเรียนหรือไม่ 

     อีกวิธีหนึ่งคือ การไปสมัครสอบ J PACT ซึ่งเป็นการสอบวัดความรู้วิชาภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์สำหรับนักเรียนต่างชาติที่จะสมัครเข้าเรียนต่อจูเนียร์ คอลเลจ การสอบนี้จัดโดย Principal Academy ซึ่งเป็นสถาบันจัดสอบกลางที่เป็นเอกชนในสิงคโปร์ ผลสอบสามารถนำไปยื่นสมัครเรียนต่อจูเนียร์ คอลเลจ ได้ซึ่งจะรับเข้าเรียนหรือไม่นั้น จูเนียร์ คอลเลจ จะพิจารณาจากผลสอบและอัตราที่รับเข้า ได้เป็นสำคัญ 

     2.  ถ้าไม่ได้จึงไปเรียน จูเนียร์ คอลเลค ของเอกชน

     ตอบ ถูกต้องครับ แต่ขอแก้ไขความเข้าใจนิดหนึ่งคือ ไม่มีจูเนียร์ คอลเลจ ที่เป็นเอกชน ครับ โดยปกติการสอนระดับ A Level  หากเรียนในสถานศึกษารัฐ จะเรียกว่าจูเนียร์ คอลเลจ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 แห่งกระจายทั่วเกาะสิงคโปร์ แต่หากเรียนในสถานศึกษาเอกชน จะเรียกกันว่าโรงเรียนครับซึ่งโรงเรียนเอกชนสัญชาติสิงคโปร์ที่เปิดสอนระดับ A Level มีเพียงแห่งเดียวครับคือโรงเรียนเซนต์ ฟรานซิส เมโธดิสต์ครับ  

     3.  เมื่อเข้าเรียนแล้วไม่ว่าของรัฐหรือเอกชนก็ต้องเรียนหนักทั้ง 2 ปี เพื่อจะสอบ A Level แล้วที่ว่าร้อยละ 20 ของโรงเรียนกว่า160 แห่งในสิงคโปร์ ที่มีคะแนนดีที่สุดที่จะได้เข้าเรียนใน จูเนียร์ คอลเลจ 20 แห่ง  เฉพาะของรัฐหรือครับ ส่วนของเอกชนจะสอบเข้าง่ายกว่าแต่ก็เรียนยากเหมือนกันใช่ไหมครับ ต่างกันที่ค่าเรียนแพงกว่าเท่านั้น

     ตอบ คุณเข้าใจถูกแล้วครับ

     4.  ผมได้คุยกับผู้ปกครองท่านหนื่งเค้าบอกว่าลูกชายเค้าไปเรียนนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกา เกรด 10 เหมือนกัน เมื่อกลับมาเมืองไทยราวเดือนมิถุนายน แล้วไปติวที่สิงคโปร์เพื่อเข้าสอบราวเดือนตุลาคม เข้าเรียน secondary 3 โรงเรียนของรัฐ เมื่อจบ sec 4 จึงสอบ o level เล้วเรียนต่อ poly ที่สิงคโปร์  3 ปี จากนั้นต่อมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์อีก 2 หรือ 3 ปี ผมไม่แน่ใจ ถ้าอย่างนั้นก็เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่ท่านได้แนะนำให้เข้าเรียนจูเนียร์ คอลเลจเลย ถึงแม้เข้าเรียนของเอกชนซึ่งค่าเรียนจะแพงกว่าก็ตาม ผมไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่า ขอคำชี้แนะด้วยครับ

     ตอบ  เส้นทางการเรียนในคำถามข้อ 4 ก็สามารถทำได้ครับซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เอาข้อเสียก่อนนะครับ คือ เสียเวลาและเสียเงินเพิ่มขึ้นเพราะต้องอยู่สิงคโปร์นานขึ้น แต่ก็มีข้อดีครับ การเริ่มต้นเรียนในระดับ O Level หรือ ม.3-ม.4  มันก็จะเบากว่า การไปเริ่มต้นเรียนในระดับ A Level 

     ดังนั้นนักเรียนที่มีพื้นทางทางคณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชาการอื่นอยู่ในขั้นดีแต่ไม่ถึงกับดีมาก ดีเยี่ยม เส้นทางการเรียนแบบนี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี หากนักเรียนและผู้ปกครองยอมรับเงื่อนไขเรื่องการย้อนกลับไปเรียนและการเสียเวลาเรียนมากขึ้นได้

     5.  อีกเรื่องหนึ่งครับ ผมเคยได้ยินผู้ปกครองบางท่านเคยบอกวาลูกเค้าเรียนที่สิงคโปร์จบ sec 4 สอบ o level และ sat ได้คะแนนดีแล้วเอาผลการสอบยื่นเข้าเรียนต่อ จุฬา ธรรมศาสตร์ inter ได้เลย ทำได้หรือครับ

     ตอบ ทำได้ครับ แต่มีเงื่อนไขว่านักเรียนคนนั้นต้องสอบ O Level อย่างน้อย 5 วิชาผ่านหมดนะครับ นักเรียนคนนั้นจึงสามารถนำผลคะแนนและวุฒิการศึกษาไปขอเทียบวุฒิกับกระทรวงศึกษาธิการไทยซึ่งจะเทียบให้เท่ากับวุฒิจบ ม.6 จากนั้นก็นำใบเทียบวุฒิไปสมัครเรียนต่อปริญญาตรีในไทยต่อไป หากเข้าอินเตอร์ จุฬา ก็ต้องสอบ SAT ด้วย หากเข้ามหิดล อินเตอร์ ก็ต้องสอบเข้าซึ่งเป็นการจัดสอบของมหิดลเอง เป็นต้น

     6. ส่วนที่ท่านแนะนำไปสอบ o level ที่ British Council กรุงเทพ แล้วต้องได้ A ทุกวิชา หรือ B 1 วิชา เด็กต้องทำคะแนนดีมากๆจึงจะได้ขนาดนั้น แล้วถ้าได้ตะแนนต่ำกว่านั้นก็เข้าเรียน จูเนียร์ คอลเลจ เอกชนโดยสมัครผ่านเรียนสิงคโปร์ดอทคอม การสอบจะสอบเดือนไหนครับ ตามความเข้าใจของผมคิดว่าถ้าผลสอบไม่ได่ A ตามที่ต้องการ เราเข้าเรียนเอกชนโดยผ่านเรียนสิงคโปร์ดอทคอม ก็ยังดีกว่าไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่าที่จะไปเรียนระดับ sec 3 หรือมีเงื่อนไขอย่างอื่นที่ผมเข้าใจผิดหรือยังไม่ได้ทราบมาก่อน ขอช่วยแนะนำอีกหน่อยนะครับ

     ตอบ  การสอบมีขึ้น 2 ครั้งต่อปี คือประมาณต้นปีและกลางปี ส่วนรายละเอียดที่แน่นอนว่าต้องลงทะเบียนสอบวันไหน และสอบวันที่เท่าไร คุณลองเช็คกับ บริติช เคาน์ซิล สยามสแควร์ อีกครั้งนะครับ

     ทำไม ผม ถึงแนะนำให้สอบ O Level ในเมืองไทยก่อน เพราะเมื่อทราบผลแล้ว เป็นจะเป็นการง่ายในวางแผนเรียนต่อในสิงคโปร์ เช่น หากผลสอบได้ดีมาก มี A เต็มไปหมด ผมก็แนะนำให้นำผลคะแนนยื่นสมัครเรียนกับจูเนียร์ คอลเลจ ซึ่งทางนั้นจะพิจารณารับหรือไม่รับจากเกรดที่ส่งมา คุณอาจสงสัยว่าแล้วเกรดที่โรงเรียนไม่รับพิจารณาหรือ คำตอบคือรับพิจารณาด้วย แต่ถ้าเป็นเกรดจากการสอบระดับนานาชาติที่เป็นยอมรับ เช่น O Level จะมีน้ำหนักมากกว่า เพราะปัจจุบัน จูเนียร์ คอลเลจ จะรับนักเรียนสิงคโปร์เข้าเรียนหรือไม่ก็ดูจากคะแนน O Level อยู่แล้ว

     หากคะแนนสอบได้ปานกลางถึงดี คุณก็สามารถใช้คะแนนสอบยื่นเข้าเรียนต่อระดับเกรด 11 ในโรงเรียนเอกชนได้เลยโดยที่คุณไม่ต้องสอบวัดความรู้กับโรงเรียน เพราะโรงเรียนจะพิจารณาจากผลสอบ O Level เลย

    หรือหากสอบทุกวิชาผ่านหมด ก็ไปยื่นขอเทียบวุฒิ ม.6 ได้แล้วจะเรียนสมัครเรียนต่อปริญญาตรีในไทยก็ได้

    หรืออาจจะนำมาสมัครเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่ตั้งวิทยาเขตในสิงคโปร์ก็ได้ แต่ว่าเขาจะยังไม่ให้คุณเรียนปริญญาตรีเลยนะครับ เขาจะให้เรียนระดับ Foundation ของมหาวิทยาลัยก่อนเป็นเวลา 1 ปี พูดง่ายๆว่าเรียนแทนระดับ A Level หากเรียนจบและสอบผ่านตามเกณฑ์ ก็เข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรีตามปกติครับ

     ดังนั้นการสอบและทราบผลสอบ O Level ในเมืองไทยเลยจะช่วยทำให้คุณวางแผนได้ง่ายและมีประสิทธิภาพขึ้น ดีกว่าไปลุยในสิงคโปร์เลยโดยไม่สามารถควบคุมปัจจัยเสี่ยงอื่นๆได้เลย

     ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-11-15 15:25:29


ความคิดเห็นที่ 5 (1398379)

สวัสดีครับ

ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำที่ชัดเจนมาก จะรบกวนท่านมากเกินไปหรือไม่ถ้าผมจะขอกระชับรายละเอียดเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเพื่อการตัดสินใจเพื่อใท้ทางท่านได้ช่วยจัดการต่อไปในอนาคต

ทางเลือกที่ 1 หลังจากลูกชายกลับมาราวเดือน jun 2011 จบเกรด 10 ให้นำผลการเรียนที่ USA มายื่น JUNIOR COLLEGE  ผมไม่แน่ใจว่าความเข้มข้นทางวิชาการจะสามารถผ่านการคัดเลือกหรือไม่ ตามประสบการณ์ที่ทางท่านได้จัดการมาไม่ทราบว่าเคยมีกรณีแล้วผ่านการคัดเลือกบ้างหรือไม่

ทางเลือกที่ 2 สมัครสอบ J PACT วัดความรู้ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ไม่ทราบว่าระดับความยากระดับไหน เทียบเท่า ม.ปลาย บ้านเราหรือยากกว่า เท่าที่ทราบนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเมืองไทยเราไปเรียนอเมริกา เห็นว่าคณิตศาสตร์ระดับ high school เกรด 10 เรียนค่อนข้างง่ายจะยากแค่เรื่อง US History เท่านั้น ถ้าต้องการสอบ J PACT นักเรียนควรไปติวอังกฤษและคณิตศาสตร์ก่อนสอบที่ไหน ตามแผนการเรียนเดิมนักเรียนจะต้องกลับมาเรียนเมืองไทยชั้น ม. 5 แต่ผมคาดว่าจะไม่เรียนต่อจะไปติวที่สิงคโปร์เลยเพื่อสอบ J PACT ถ้าผลการสอบไม่ดีหรือไม่ผ่านตามเกณฑ์ก็เข้าเรียนโรงเรียนเซนส์ ฟรานซิส เมโธดิสล์ 2 ปี แล้วสอบ A LEVEL สอบไม่ผ่านก็สอบใหม่ในปีถัดไป 

ทางเลือกที่ 3 กลับมาแล้ว ก็ไปติวที่สิงคโปร์เพื่อสอบเข้าเรียนใน sec 3 แล้วสอบ o level เหมือนผู้ปกครองท่านอื่นแนะนำซึ่งจะต้องใช้เวลามากกว่า

ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นยังไง ผมลืมบอกไปผมอยู่ทางภาคใต้ ก็เลยอยากให้ไปสิงคโปร์เพราะใกล้เหมือนไปกรุงเทพ ข้อมูลการเรียนของลูกชาย จบ มัธยม 3 โครงการ ภาษาอังกฤษ   ในโรงเรียนประจำจังหวัด ผลการเรียนเฉลี่ย ราว 3.8 เป็นนักกีฬาของโรงเรียน  

รบกวนท่านช่วยแนะนำทางเลือกที่เหมาะสมให้ด้วยครับ

ขอบคุณมากครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น vit (forumhouse-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-17 18:01:00


ความคิดเห็นที่ 6 (1398420)

สวัสดีครับ

1.  ทางเลือกที่ 1 หลังจากลูกชายกลับมาราวเดือน jun 2011 จบเกรด 10 ให้นำผลการเรียนที่ USA มายื่น JUNIOR COLLEGE  ผมไม่แน่ใจว่าความเข้มข้นทางวิชาการจะสามารถผ่านการคัดเลือกหรือไม่ ตามประสบการณ์ที่ทางท่านได้จัดการมาไม่ทราบว่าเคยมีกรณีแล้วผ่านการคัดเลือกบ้างหรือไม่

     ตอบ  การที่นักเรียนต่างชาติจะสมัครตรงกับ Junior College โดยปกติ Junior College จะขอให้ผู้สมัครส่ง Transcript ผลการเรียนจากการสอบที่โรงเรียนเดิมและผลการเรียนจากการสอบระดับประเทศ มาให้เพื่อพิจารณาว่านักเรียนคนนี้มีประวัติการเรียนที่โดดเด่นจนสมควรที่จะตอบรับเข้าเรียนหรือไม่

     ลูกของคุณ Vit มีผลสอบระดับประเทศหรือไม่ครับ หากเป็นระบบอังกฤษซึ่งสิงคโปร์ก็ใช้ระบบนี้ การสอบระดับประเทศคือ การสอบ GCE O Level และการสอบ GCE A Level ซึ่งจัดสอบโดยUniversity of Cambridge International Examination หรือ CIE ซึ่งเป็นสถาบันการทดสอบการศึกษาที่เป็นกลางจากประเทศอังกฤษ  

     โดยปกติ Junior College ในสิงคโปร์จะรับนักเรียนเข้าเรียนก็จะดูจากผลสอบระดับประเทศหรือ GCE O Level เป็นหลักครับ

     หากไม่มีผลสอบระดับประเทศ ลูกคุณ Vit ก็ต้องมีจุดเด่นอื่นๆชดเชย เช่น เคยชนะเลิศการแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติ หรือระดับประเทศมาก่อน เป็นต้น หากไม่มีดูคำแนะนำในข้อ 2 ข้างล่างครับ

2. ทางเลือกที่ 2 สมัครสอบ J PACT วัดความรู้ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ ไม่ทราบว่าระดับความยากระดับไหน เทียบเท่า ม.ปลาย บ้านเราหรือยากกว่า เท่าที่ทราบนักเรียนแลกเปลี่ยนจากเมืองไทยเราไปเรียนอเมริกา เห็นว่าคณิตศาสตร์ระดับ high school เกรด 10 เรียนค่อนข้างง่ายจะยากแค่เรื่อง US History เท่านั้น ถ้าต้องการสอบ J PACT นักเรียนควรไปติวอังกฤษและคณิตศาสตร์ก่อนสอบที่ไหน ตามแผนการเรียนเดิมนักเรียนจะต้องกลับมาเรียนเมืองไทยชั้น ม. 5 แต่ผมคาดว่าจะไม่เรียนต่อจะไปติวที่สิงคโปร์เลยเพื่อสอบ J PACT ถ้าผลการสอบไม่ดีหรือไม่ผ่านตามเกณฑ์ก็เข้าเรียนโรงเรียนเซนส์ ฟรานซิส เมโธดิสล์ 2 ปี แล้วสอบ A LEVEL สอบไม่ผ่านก็สอบใหม่ในปีถัดไป

     ตอบ ต่อเนื่องจากคำตอบข้อ 1 หากไม่มีผลสอบระดับประเทศ ผมก็แนะนำว่าให้ไปสอบ O Level ที่บริติช เคาน์ซิลที่เมืองไทย  หรือไม่งั้นก็ไปสอบ J PACT ที่สิงคโปร์เลยก็ได้ครับ หากคุณมีแผนที่จะให้ลูกไปเรียนติวการสอบที่นั้นอยู่แล้ว      เรื่องการหาที่เรียนติว เรียนสิงคโปร์ดอทคอม จะช่วยเป็นธุระจัดหาให้พร้อมกับที่พักครับ 

     ส่วนเรื่องเนื้อหาข้อสอบเมื่อเทียบกับเมืองไทย หากเป็นวิชาภาษาอังกฤษในระดับเดียวกัน  สิงคโปร์ไปไกลกว่ามากแล้วครับ แต่หากเป็นคณิตศาสตร์  เนื้อหายังใกล้เคียงกับไทยครับ แต่ปัญหาของนักเรียนไทยคืออ่านโจทย์ที่เป็นภาษาอังกฤษไม่แตกครับ  

3. ทางเลือกที่ 3 กลับมาแล้ว ก็ไปติวที่สิงคโปร์เพื่อสอบเข้าเรียนใน sec 3 แล้วสอบ o level เหมือนผู้ปกครองท่านอื่นแนะนำซึ่งจะต้องใช้เวลามากกว่า

     ตอบ ไหนๆคุณจะส่งลูกไปติวที่สิงคโปร์อยู่แล้ว ผมแนะนำว่าก็ให้ไปสอบเข้าทั้ง SEC 3 และ J PACT เลย ได้อันไหนก็เอาอันนั้นครับ เพราะช่วงเวลาสอบก็ใกล้เคียงกันคือช่วงปลายปีของแต่ละปีครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-11-18 10:36:39


ความคิดเห็นที่ 7 (1399119)

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ ผมคิดว่าหลังจากกลับเมืองไทยแล้วคงต้องไปติวที่สิงคโปร์เลย ถ้าจะสอบ j pact  และสอบเพื่อเข้าเรียน sec 3 ไม่ทราบว่าจะต้องเตรียมอย่างไร เช่นเอกสาร หรือต้องสมัครเรียนเมื่อไหร่ เรียนโรงเรียนอะไร ที่พักระหว่างติว  ฯลฯ ขอให้ท่านช่วยกรุณาให้รายละเอียดทาง e-mail หรือต้องติดต่อท่านโดยตรงอย่างไรที่สะดวก

ขอบคุณากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น vit (forumhouse-at-yahoo-dot-com)วันที่ตอบ 2010-11-25 13:52:29


ความคิดเห็นที่ 8 (1399295)

สวัสดีครับ

     คุณ Vit ครับ ผมจะให้รายละเอียดเรื่องนี้ทางอีเมล์นะครับ ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น Admin ตอบโดยเว็บมาสเตอร์วันที่ตอบ 2010-11-26 13:55:15



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล *
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล