เส้นทางการเตรียมตัวก่อนเป็นนักเรียนทุน ASEAN Scholarship
“ก่อนจะสอบทุน การเตรียมตัวจะต้องดูแลทั้งการเรียน และก็กิจกรรมค่ะ สำคัญมากๆที่จะต้องดูแลเกรดเฉลี่ยให้ดีตลอดแต่ก็ต้องไม่ละเลยการทำกิจกรรมกับโรงเรียนด้วยค่ะเพราะที่สิงคโปร์เขาให้ความสนใจกับ Holistic education มากๆ ประมาณว่าเรียนดีกิจกรรมไม่ด้อยค่ะ ตอนเรียนอยู่ม.ต้นแยมก็อยู่ชมรมเครื่องสาย นาฎศิลป์ แล้วก็เข้าร่วมการแข่งขันวิชาการภาษาอังกฤษบ่อยๆค่ะ ตอน ม.2 ก็ได้ไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดาค่ะคำแนะนำสำหรับนักเรียนที่สนใจจะสอบชิงทุนนี้ ก็แนะนำให้เริ่มทำกิจกรรม และดูแลผลการเรียนให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆเลยค่ะ จะได้ดูสม่ำเสมอ และ build self-confidence (สร้างความมั่นใจในตนเอง) ด้วยค่ะ
และพอช่วงใกล้สอบมากๆก็อาจจะเรียนพิเศษเพิ่มเติม ลองหาข้อสอบเก่าๆมาลองทำดูค่ะ ในความเห็นส่วนตัว ส่วนที่ยากที่สุดน่าจะเป็นพาร์ทภาษาอังกฤษค่ะ เนื่องจากทางสถานฑูตเขาก็ไม่เคยบอกคะแนนหรือบอกเกณฑ์นะคะ ตอนทำข้อสอบเราก็จะไม่ทราบว่าทำดีพอแล้วหรือยัง ยกตัวอย่างเช่น การเขียน essay (เรียงความ) ที่เราเขียนไปอย่างนี้ up to standard หรือเปล่า เพราะอย่างที่ทราบ grammar (ไวยากรณ์) ของทางสิงคโปร์ก็ค่อนข้างจะเป๊ะๆ ส่วนพาร์ทอื่นก็ค่อนข้างโอเคค่ะ ตอนสัมภาษณ์ก็ต้องทำตัวให้ดูมีความมั่นใน ร่าเริง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องอ่อนน้อมถ่อมตนค่ะ กรรมการสอบสัมภาษณ์ไม่ได้แคร์ accent (สำเนียง)อะไรมากนักค่ะ”
ชีวิตนักเรียนทุนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แยมสอบได้ทุนในปี 2012 และเข้าเรียนชั้น SEC 3 ที่ Convent of the Holy Infant Jesus Secondary (Toa Payoh)
“ในตอนแรกที่เข้าไปเรียน สิ่งที่ต้องปรับตัวหนักสุดก็เป็นเรื่องเนื้อหาการเรียนนะคะ อย่างที่เมืองไทย ข้อสอบส่วนใหญ่เป็น multiple choice questions (ข้อสอบปรนัยหรือช้อยส์) ทั้งนั้น อย่างมากสุดตอนสอบย่อยก็เขียนคำตอบยาวๆครึ่งหน้าได้ แต่ว่าลักษณะข้อสอบที่เป็นการเขียนเรียงความหรือ essay ก็ไม่ค่อยได้เคยเขียนมาก่อนค่ะ แต่ในขณะที่มาเรียนที่สิงคโปร์ ที่นี่เขียนอย่างเดียวเลยค่ะ เขียนเยอะมาก ยกตัวอย่างนะคะ อย่างตอนเรียน English literature (วรรณคดีอังกฤษ)คำตอบข้อเดียวก็เกือบ 5 หน้ากระดาษแล้วค่ะ สอบครั้งหนึ่งก็เขียนไปเกือบ 20 หน้าค่ะ และอีกเรื่องที่ต้องปรับตัว ก็คือต้องมีวินัยในการเรียนมากค่ะ เพราะที่นี่กิจกรรมเยอะ เพื่อนเยอะต้องแบ่งเวลาดีๆ ไม่งั้นทุนอาจจะหายวั๊บได้ 555
ปรกติตอนอยู่ที่ไทย อาจจะมีบ้างที่คะแนนเคยตกลงบ้างแต่ส่วนมากคะแนนก็อยู่ในเกณฑ์ดี โอเคตลอด แต่มาที่นี่สอบเทอมแรกตกได้เกรด D7 (เกรด O-level จะเรียงจาก A1-F9 ค่ะ) ตกใจเลยค่ะ ยิ่งพอเข้าหลักสูตร A-level แล้วเรียนประวัติศาสตร์นี่ เรียงความจะตกมิตกแหล่ตลอด
พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อันดับแรกก็ต้องใจเย็นๆค่ะ ก็ต้องบอกตัวเองว่ารุ่นพี่ผ่านไปแล้วเขาก็ทำได้ทั้งนั้น เราก็ต้องทำได้เหมือนกัน หลังจากนั้นต้องมองหาข้อผิดพลาดของตัวเองให้เจอค่ะ โชคดีค่ะ ส่วนมากครูที่นี่ก็ยินดีช่วยเหลือเสมอค่ะ มีอะไรก็สามารถขอพบครูหลังเลิกเรียนเป็นชั่วโมงๆได้เลยค่ะ นอกจากนี้ ตัวเราเองก็จะต้องมี end-goal in mind (เป้าหมาย) ด้วยค่ะ คือ อยากได้เกรดดีขนาดไหน เพราะอะไร จะได้เป็นแรงบันดาลใจค่ะ”
|